เรื่องผมใครว่าไม่สำคัญ? คนเราทุกวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องส่องกระจกมองหน้าตัวเอง แล้วบรรจงแต่งทรงผมให้ดูเนี้ยบไว้ก่อน บางคนกว่าจะออกไปทำงานได้ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ในการแต่งผม ทั้งม้วนทั้งไดร์ทั้งหวีข้างโน้นนิดข้างนี้หน่อย แล้วค่อยๆดึงปอยผมให้ห้อยๆอยู่ข้างแก้ม(เหี่ยวๆ)เพื่อให้ดูเก๋ๆ อ้าว!ดึงมากไปผมมันเลยพันกันยุ่ง ต้องบรรจงหวีใหม่ทีละเส้น จัดทรงใหม่ให้เป็นระเบียบ เอาน้ำมันทานิดให้ผมดูมันเรียบเพื่อมองแล้วมีสง่าราศีเปล่งประกายวาบๆ พร้อมกับลองฝึกยิ้มในกระจกไปพลางๆว่ายิ้มแบบไหนถึงจะเข้ากับทรงผมในวันนั้น
ยิ้มไปยิ้มมาริมปากบนดันเกิดแห้งติดฟันซะนี่ ต้องค่อยๆเอานิ้วบรรจงแกะออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับยิ้มเบาๆอีกสองครั้งครึ่ง บางคนถึงกับจัดตารางทำผมประจำสัปดาห์เลยว่าวันไหนจะทำผม ทรงอะไร จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมตัว
วันจันทร์ ทำผมหางม้า เวลายิ้มก็พยายามให้เห็นร่องฟันหน้าที่ห่างกันประมาณเศษสองส่วนสามไมล์ ยิ้มไปเอียงขวาและซ้ายให้ดูคล้ายๆยิ้มของม้าที่วิ่งตกรอบ
วันอังคาร ถักเปียสองข้างแถมผูกโบว์สีแดงสวยเก๋ คล้ายๆทรงของพจมานที่กำลังจะเตรียมตัวไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า เอ๊ย!บ้านทรายทอง ทั้งๆใบหน้าในกระจกมองดูคล้ายๆคางคกอมยิ้ม มากกว่าจะเป็นพจมาน สว่างวงศ์ เพราะรอยแกะสิวปรุประเต็มไปหมด
วันพุธ ทำผมทรงหมาแหงนมองเครื่องบิน โดยดันผมข้างหน้าให้ชะโงกออกมาพ้นหน้าผาก ประมาณหนึ่งฝ่ามืออรหันต์ แล้วสะเปรย์ให้ผมอยู่ตัวซึ่งจะสะบัดหน้าแรงแค่ไหน กระบังผมนั้นก็จะ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดทั้งสิ้น เป็นทรงผมที่สามารถปกป้องแสงแดดไม่ให้ส่องถึงบริเวณรอยเท้าคุณอีกาที่หน้าผากได้ด้วย
วันพฤหัสบดี วันนี้เป็นวันครู ทรงผมต้องให้ดูหรูแต่เรียบง่าย จึงทำทรงเกล้าเหมือน ทรงครูไหวใจร้าย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศความเป็นครูก็ต้องเสียบไม้เรียวไว้ที่มวยผมด้วย เพื่อสะดวกในการดึงออกมาฟาดก้นเด็กนักเรียนในเวลาทำผิด แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าสมัยนี้ กระทรวงศึกษาเขาห้ามตีเด็กนักเรียนแล้ว ก็เลยเอาไม้เรียวออกแล้วเอาปากากากับดินสอ และยางลบมาประดับแทน
วันศุกร์ ไปซอยผมทรงหนูเทะ ผมจึงดูเว้าๆแหว่งๆและมีความยาวไม่เท่ากัน แถมยัง ให้ช่างไฮไลท์ให้ด้วย ตอนเดินออกมาจากร้านดูเก๋ซะไม่เบา แต่ทำไมพอถึงบ้านผมมันถึง กลายเป็นทรงกระเซอะกระเซิงอย่างนี้ก็ไม่รู้ ไม่ได้การต้องใช้เจลทาแล้วไดร์ให้เหมือนที่ช่าง เขาทำให้ มองอีกทีในกระจก เอ๊ะ!ตัวเม่นที่ไหนมันหลุดเข้าไปอยู่ในกระจกนี้(วะ ) ดูสิเหมือนมัน กำลังจะสลัดขนใส่ปักใส่ใครสักคนเลย
วันเสาร์ มีตลาดนัดในเมือง ต้องทำผมให้ดูเริ่ดกว่าทุกวัน เพราะจะต้องอยู่ท่ามกลาง ผู้คนมากมายที่ไปจ่ายตลาด ผมทรงหนูเทะคงไม่เหมาะ เลยดึงหมวกสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (ที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่าเมื่อปีกลาย) มาใส่ให้ดูน่าทึ่งตกตะลึงกันทั้งตลาด แล้วก็ได้ผลเพราะคนเขามองกันตรึม เลยยิ่งทำท่าขรึมๆเข้าไว้ คงจะรู้สึกดีทั้งวันถ้าหากไม่ได้ยินประโยคทักทายที่ว่า “อ้าว! นั่นเพิ่งกลับมาจากฉายแสงล่ะสิท่า คงแพ้สารเคมีใช่ไหม?”
วันอาทิตย์ ตัดสินใจนัดช่างใหม่ ช่างถามว่าจะเอาทรงอะไรดี? เอางี้แล้วกัน โกนออกครึ่งหัว ส่วนอีกครึ่งปล่อยไว้ยังงั้นแหละ(ว่ะ) ขอจ่ายครึ่งราคาได้ไหมช่าง? เพราะ ช่างทำงานแค่ครึ่งเดียวเอง”