เจ้านายของหนูตั้งชื่อให้หนูว่า”เจ้าหญิง”ทั้งๆที่ความจริงแล้วหนูเกิดที่ฟาร์มเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่เมืองเชสเบิร์ก รัฐวิสคอนซิน ซึ่งกว่านายจะไปรับตัวหนูมาได้ก็ต้องผ่านเส้นทางลดเลี้ยวเคี้ยวคดพอสมควร แถมบางแห่งก็ต้องขับรถผ่านทางถนนที่เป็นเนินสูงและปลี่ยวมากไม่มีบ้านคนเลยสักหลัง นายก็ยังอุส่าห์บุกบั่นไปพาหนูมาอยู่กับนายจนได้ นายบอกว่าเหมือนกับเดินทางย้อนยุคเข้าไปในหนังสือนิทานเพื่อหาตัวเจ้าหญิงที่ถูกจับตัวไปขังไว้ในปราสาทของแม่มดกลางป่าแห่งหนึ่ง นายก็เลยเรียกหนูว่า”เจ้าหญิง”
ขอย้อนหลังถึงความเป็นมาของหนูสักนิด หนูจำได้ว่าก่อนนายไปรับตัวหนูมานั้น พี่น้องของหนูเหลืออยู่ที่บ้านเดิมแค่สามตัวเท่านั้น ส่วนพี่ๆอีกสามตัวมีคนมารับตัวไปนานแล้ว เพราะนายเก่าเขาลงประกาศในหนังสือพิมพ์ให้พวกหนูฟรีๆโดยไม่มีค่าตัว นายเก่าเขาบอกว่าหนูเป็นหมาบีเกิ้ลที่ตัวเล็กที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด แถมเวลามองอะไร ก็ดูเหมือนลูกตาทั้งคู่มันมารวมกันคล้ายๆหมาตาเหล่ ก็เลยไม่มีใครอยากได้ พี่ชายตัวโตของหนูนั้นนายเก่าเขาจะเก็บไว้เลี้ยงเอง เพราะหน้าตาพี่ชายดูหล่อเหล่าและมาดเท่กว่า พี่น้องของหนูทุกตัว ก็เลยกลายเป็นตัวโปรดของครอบครัวนายเก่ามาตั้งแต่แรกเกิด ส่วนพี่สาวอีกตัวที่เหลืออยู่คู่กับหนูนั้นก็มีคนโทรมาจองแล้ว แต่ยังไม่มารับตัวไป เหลือหนูตัวเดียวนี่แหละที่ยังไม่มีใครเลือก แม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวของนายเก่าก็ยังไม่มีใครสนใจหนูเลยสักคน
วันๆหนูก็เลยไปวิ่งเล่นตามลำพังที่เล้าแม่หมูอ้วนซึ่งมีลูกตัวอ้วนๆสีขาวสิบกว่าตัวส่งเสียงร้องกันขรมทั้งวัน ไม่รู้จะร้องกันทำไมนักหนาทั้งๆข้าวปลาอาหารก็พร้อมเพียบ บางทีก็ตะกุยตะกายทำท่าเหมือนหิวจัดทั้งๆที่เพิ่งกินอิ่มกัน แม่หมูอ้วนวันๆแกก็นอนฮัมเพลงอู๊ดๆของแกไปตามเรื่องไม่สนใจลูกๆมากนัก แกสนใจแต่เรื่องกินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หนูก็เลยเข้ามาเดินเล่นได้ตามสะดวก นึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มาตามแต่ความเหงาจะพาไป ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วนี่นา นอกจากเล้าหมูเท่านั้น บางวันก็มีการต่อสู้ถกเถียงเล็กๆน้อยๆกับบรรดาเจ้าลูกหมูทั้งหลาย ถึงขนาดใช้กำลังกันก็เคย เพราะลูกหมูบางตัวชอบทำตัวเกเรก่อน หนูเลยสู้ยิบตาให้มันรู้ซะบ้างว่าสายเลือดหมาบีเกิ้ลอย่างหนูก็เป็นนักสู้เหมือนกัน ไม่ใช่เอะอะไรร้องเอ๋งวิ่งหนีอย่างเดียว แต่ก็สนุกว่าที่จะไปนั่งตัวเดียวนะ
พี่สาวของหนูเขาไม่ชอบเล่นอะไรที่เปรอะเปื้อนและชอบทำตัวเรียบร้อยซะเหลือเกิน ส่วนพี่ชายเริ่มออกฝึกงานกับนายแล้ว เขาบอกว่าจะฝึกให้พี่ชายหนูไปช่วยล่าสัตว์ เพราะพวกเรามีประสาทการดมกลิ่นที่ไวมากและคล่องแคล่วว่องไวในการไล่จับสัตว์ตัวเล็กๆที่อยู่ตามซอกไม้หรือรูดินแคบๆอย่างพวกกระต่าย หรือหนูต่างๆ นอกจากมีนายไปกับพี่ชายแล้ว พ่อแม่ของหนูก็ไปด้วย พ่อเป็นผู้ช่วยในการล่าสัตว์ของนายมานานหลายปี แม่ของหนูนั้นไม่ได้ไปด้วยทุกครั้ง เพราะต้องอยู่ช่วยนายหญิงดูแลบ้านและสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่ฟาร์ม นายบอกว่าถ้าพี่ชายหนูคุ้นเคยกับงานแล้ว นายจะให้พ่อหนูอยู่ดูแลบ้านกับแม่เพื่อช่วยนายหญิงอีกแรง แต่พ่อบ่นว่าไม่อยากอยู่ดูแลงานที่ฟาร์มเพราะสัญชาตญาณของพวกเราบีเกิ้ลเป็นนักล่าสัตว์ถนัดในเรื่องงานเข้าป่า รักความโลดโผนผจญภัยมากว่างานดูแลฟาร์มที่บ้าน
ตอนที่พวกพี่ๆสามตัวถูกแยกย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ แม่ร้องไห้คิดถึงทุกวัน หนูเองก็เช่นกัน คิดถึงพวกพี่ๆที่จากไปเหลือเกิน โดยเฉพาะพี่ตัวที่สี่นั้นเคยวิ่งเล่นซุกซนคลุกคลีกับหนูมากกว่าตัวอื่นๆ พอพี่ตัวนั้นไม่อยู่หนูรู้สึกเหงาที่สุด พี่สาวตัวที่ห้าก็เรียบร้อยเกินไปอย่างที่หนูบอกในตอนแรกนั่นแหละ หนูเลยมีเจ้าลูกหมูหูด่างเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด หนูหัดร้องเพลงอู๊ดๆ ของพวกหมูด้วยนะจะบอกให้ แม่หมูอ้วนยังชมเลยว่าหนูทำเสียงได้เหมือนหมูมาก ทำให้หนูภาคภูมิใจมาจนทุกวันนี้
ย้อนกลับไปถึงวันที่นายใหม่มารับหนู วันนั้นหนูเพิ่งกลับมาจากเล้าหมู ตัวเปรอะเปื้อนมอมแมมมาเลยและกำลังกินน้ำอย่างกระหาย พลันสายตาหนูก็เหลือบไปเห็นรถของนายที่เพิ่งมาถึง เจ้าพี่ชายของหนูรีบเห่าเสียงเขียวเชียวล่ะ เพื่อโชว์เสียงให้ทุกคนรู้ว่าเขากำลังทำหน้าที่ดูแลบ้านอย่างเข้มแข็ง หนูเองเกือบจะเห่าตามอยู่เหมือนกัน แต่พอดมกลิ่นใกล้ๆนายคนใหม่ หนูรู้สึกถูกชะตากับนายทันที เพราะหนูรู้ทันทีว่านายมาดีไม่ใช่คนร้าย ดูเหมือนนายชอบหนูด้วยเช่นกัน นายอุ้มหนูขึ้นมามองดูที่ตาทั้งสองข้างเมื่อนายเก่าบอกว่าหนูเป็นหมาตาเหล่และขี้เหร่กว่าพี่น้องทุกตัวอีกต่างหาก แต่นายใหม่บอกว่าหนูเป็นหมาที่มีดวงตาหวานเศร้าน่าสงสาร ไม่ใช่ตาเหล่ซะหน่อยเลย นายดีใจที่ได้รับตัวหนูไปเลี้ยง หนูเองก็ดีใจที่จะได้ไปอยู่กับนาย
การเดินทางครั้งแรกของหนูก็เริ่มต้นทันทีในวันนั้น…ลาก่อนนายเก่า..พ่อแม่..พี่ชายพี่สาว…ครอบครัวของ แม่หมูอ้วน…เจ้าฝูงห่านจอมซ่าส์และชอบจิก…รวมทั้งฝูงแม่ไก่ที่เคยไล่จิกหนูด้วย ต่อไปนี้เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นกันอีกแล้ว.