บุฟเฟ่เป็นการขายอาหารที่จัดไว้หลากหลายชนิด โดยลูกค้าสามารถทานได้เต็มกำลังและเท่าที่ผนังกระเพาะจะสามารถยืดออกเต็มที่ เพื่อบรรจุอาหารได้ในมื้อนั้นอย่างเต็มพิกัด กินกันจนอิ่มพุงกางเป็นอึ่งอ่างในฤดูวางไข่ หรือจะตะกละกินกันจนอ้วกก็จ่ายค่าอาหารในราคาเดียวเท่านั้น คล้ายๆบัตรทองสามสิบบาทรักษาได้ทุกโรคอะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ
คือจะกินสามอย่างหรือสิบอย่าง หรือจะกินทุกๆอย่างที่เขาจัดวางไว้ก็ตามสบายเถิด กินให้ถึงใจพระเดชพระคุณ เขาคิดราคาเดียวเท่ากันเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีการกำหนดเรื่องรูปร่างความผอมหรือความอ้วนของคนกินอีกด้วย ซึ่งทางร้านตั้งราคาไว้เลยว่าบุฟเฟ่มื้อนั้นต้องจ่ายอิ่มล่ะเท่าไหร่? ส่วนมากจะเป็นมื้อกลางวันเท่านั้น อาหารค่ำก็คิดอีกราคาหนึ่งซึ่งแพงกว่าตอนกลางวัน แต่ก็มีร้านอาหารบางแห่งใจถึงพอที่จะขายราคาบุฟเฟ่ตลอดวันด้วย
ที่ว่าร้านใจถึงก็เพราะลูกค้าส่วนมากที่เข้ามาใช้บริการบุฟเฟ่มักจะมีหุ่นจะพอๆกับฮิปโปโป้หรือน้องๆปลาวาฬ แถมชอบมากันทีกลุ่มละสี่ห้าคน วันไหนมากันหลายๆกลุ่มวันนั้นเจ้าของร้านต้องเตรียมยาหม่องยาดมไว้เพียบเพื่อสูดดมฉมชื่นใจก่อนจะหมดแรงยืนแล้วเงยหน้ารำพึงถามฟ้าเหมือนกับตอนที่จิวยี่แค้นใจจนกระอักเลือด (เพราะโดนขงเบ้งเฉือดเฉือนด้วยคมวาจา) ว่า…
“ฟ้าให้ข้ามาเปิดร้านบุฟเฟ่ ไฉนฟ้าจึงส่งแต่ฮิปโป้มาเข้าร้านข้าด้วยเล่า?”
เพราะลูกค้าแต่ละคนกินเร็วและจุราวกับมีอ่างเก็บน้ำอยู่ในท้อง เดินเติมอาหารกันอย่างมีความสุข สุขในการกินที่มีอาหารให้เลือกละลานตา สุขในการจ่ายราคาเดียวแล้วกินได้เต็มกำลัง บางคนเติมจนล้นจานก็ดูเหมือนยังไม่สะใจ ถ้าไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นๆ พี่ท่านก็คงยกออกไปทุกถาดเลย บางคนเติมอาหารใส่จานเดียวจนล้นแล้วยังอุส่าห์เติมใส่จานที่สองถือกลับไปพร้อมๆกันด้วย นั่นเพียงแค่ออเดิฟค่ะ ซึ่งท่านหาอิ่มไม่ เพราะต้องมีการเดินกลับมาเติมอีกหลายรอบ แต่ละรอบปริมาณอาหารพอกพูนจนล้นจานเท่ากันทุกรอบ
เท่าที่ผู้เขียนสังเกตดู ลูกค้าที่เข้าร้านบุฟเฟ่มักจะเป็นคนวัยหนุ่มสาวและกลางคนมากกว่าวัยสูงอายุ เพราะฉะนั้นแต่ละคนมีพลังในการกินที่แรงราวพายุทอนาโดผสมสึนามิ แต่พลังในการจ่ายค่าอาหารค่อนข้างแผ่วเบาเหมือนเสียงกระพือปีกของแมลงปอบนช่อดอกไม้ เจ้าของร้านอาหารบุฟเฟ่ ซึ่งเป็นครอบครัวชาวจีนสองพี่น้องที่ผู้เขียนรู้จักและคุ้นเคยมานานปีเคยคุยอย่างเปิดใจอย่างหมดเปลือกว่า
“เราก็ดีใจนะที่มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนสนับสนุนกิจการให้อยู่ได้ แต่ว่าบางทีเราก็หนักใจกับลูกค้าบางคนที่หุ่นโตๆกินจุๆเหมือนกันนะ เพราะจ่ายเท่ากับราคาคนผอม แต่ปริมาณอาหารมากกว่ากันสามเท่าเลย ทำให้กำไรในบางวันที่จะได้แทบไม่เหลือ แต่จะไปว่าหรือไปห้ามพวกเขาก็ไม่ได้อีกแหละ เพราะเราทำมาค้าขายแบบนี้ ถ้าเขาไม่มาอุดหนุนเราก็ไม่งานนี้ไม่มีเงินจะใช้ด้วย”
“แล้วต้องทำไงบ้างล่ะที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้?” ผู้เขียนถาม
“ที่พอทำได้ก็แค่เปลี่ยนขนาดของจานให้เล็กลงมาหน่อย และต้องใช้จานก้นแบนที่สุดเท่าที่หาได้ เพื่อจะได้ไม่มีส่วนลึกของก้นจานใส่อาหารได้มากเกินไป แต่ถึงไงเขาก็ต้องเดินกลับมาเติมอาหารอีกจนกว่าจะอิ่มนั่นแหละ แต่ก็ต้องใช้พลังงานในการเดินไปเดินมา บางคนกินซะจนกระเพาะยืดออกไม่ได้อีกแล้ว ก็เกิดความขี้เกียจเดินขึ้นมาบ้าง อาจจะหยุดเติม อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมตัวเองในการกินของแต่ละคนนะ ไอ้เราจะไปบังคับว่าอ้วนขนาดนี้ต้องกินแค่นั้นก็ไม่ได้ ดีไม่ดีเกิดเขาโมโหหิวขึ้นมา เราก็อาจจะโดนตึ๊บจากแรงฝ่าเท้าปานช้างเหยียบตายมันก็ไม่คุ้มกันนะ”
“โห….มีดุเดือดปานนั้นเชียวหรือ?” ถ้าเป็นเราคงขายได้อย่างมากก็แค่สามวันกับอีกสามชั่วโมงก็คงต้องบอกลากันแล้วล่ะ แต่ก็น่าทึ่งจริงๆที่พวกร้าน อาหารบุฟเฟ่ส่วนมากเขาดำเนินกิจการมาจนประสพความสำเร็จกันหลายร้าน ทั้งๆที่แต่ละร้านก็มีลูกค้าหุ่นนี้เข้าเป็นส่วนมาก