อุณหภูมิของอากาศเดือนเมษายนที่บ้านเรา (เมืองไทย)ใครๆก็มักจะบ่นกันทั้งนั้นว่า…
”ร้อนจนตับแลบ!” บ้างล่ะ “ร้อนจนตับจะแตก!”บ้างล่ะ
ผู้เขียนสงสัยจังว่าทำไมความร้อนที่ว่าถึงต้องเกี่ยวเฉพาะที่ตับเท่านั้น? ในเมื่อตับเป็นอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกาย มันไม่ได้ออกมาสัมผัสความร้อนภายนอกเลยสักนิด แล้วไอ้ที่ว่าร้อนจนตับแลบหรือจนตับแตกนั้น อุณหภูมิของอากาศร้อนนั้น มันถึงขนาดบังคับให้ตับโผล่มาแลบเพื่อสูดอากาศภายนอกร่างกายเชียวหรือ? แล้วมันแลบออกมาจากช่องท้องส่วนไหนล่ะ? แลบออกมาประมาณสักกี่ส่วน? ทำไมพวกปอดหรือไต, ตับอ่อน,ลำไส้ใหญ่ และลำไส้เล็ก พวกนี้ไม่ได้มีโอกาสออกมาแลบเหมือนตับบ้างนะ? หรือว่าพวกมันไม่เคยรู้สึกร้อนหนาวแบบที่ตับรู้สึก? เอาล่ะค่ะ ถ้าใครรู้สึกร้อนถึงขนาดปล่อยให้ตับแลบออกมาล่ะก็ หลังจากอากาศหายร้อนแล้ว ก็อย่าลืมเก็บตับให้เข้าที่เข้าทางอย่างเดิมด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินให้หมอผ่าตัดเก็บตับให้อีก ยิ่งยุคนี้อะไรๆก็ราคาแพงๆทั้งนั้น
บรรยากาศยิ่งร้อนอบอ้าวในเดือนนี้ แถมยังมี“เสื้อสีแดง”มาช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้บ้านเราร้อนเร่าเข้าไปอีกหลายเท่า ยิ่งตอนนี้มี”สีชมพู”เข้ามาร่วมด้วย หรือบางทีอาจจะมีสีอื่นๆตามมาอีกทีหลังจนครบทุกสีก็ยังไม่รู้นะคะ สีโทนร้อนช่วยกระตุ้นให้อุณภูมิความร้อนของเดือนเมษายนสูงขึ้นกว่าปกติจนปรอทเริ่มร้าว ผู้เขียนถึงมีคำถามว่าเมษายนปีนี้สีอะไร? เพราะดูเหมือนสีโทนร้อนจะกลายเป็นแฟชั่นอินเทรนสำหรับเมืองไทยไปแล้ว แม้ว่าสีชมพูจะดูอ่อนหวานนุ่มนวลกว่าสีแดงก็ตาม แต่ตามทฤษฎีของสี สีชมพูเกิดจากการเอาสีแดงกับสีขาวมาผสมกัน ซึ่งก็ยังนับว่าเป็นสีที่อยู่ในโทนร้อนค่ะ แถมประเทศไทยยังตั้งอยู่ในเขตโซนร้อนอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอเรื่องของภาวะโลกร้อนก็กำลังแข่งขันตามมาติดๆ จนแทบจะเรียกได้ว่าความร้อนทั้งหลายทั้งแหล่กำลังมีอิทธิพลทำให้คนทั้งโลกจะกลายเป็นมังกรพ่นไฟใส่กันอยู่แล้ว
สงกรานต์บ้านเรา คนไทยเคยมีความสุขสนุกสนานกับการรดน้ำดำหัวให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เคยเล่นสาดน้ำกันเพื่อดับความร้อนในหมู่เพื่อนฝูงและคนรู้จักกัน แต่มาระยะหลังๆนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรคนไทยเราถึงหมดความเป็นมิตรไมตรีจิตต่อกันไปเรื่อยๆ การสาดน้ำตามประเพณีสงกรานต์ จึงเริ่มเกิดวิวัฒนาการแบบใหม่ๆแปลกๆขึ้นอย่างหลากหลาย เช่น เอาน้ำที่เน่าเหม็นมาสาดแกล้งกันบ้าง หรือบางทีเอาก้อนกรวดก้อนดินมาผสมกับน้ำสาดกันเพื่อฝากรอยแผลเล็กๆน้อยๆเป็นที่ระลึกแห่งสงกรานต์ให้กับอีกฝ่าย รวมทั้งการเอาน้ำแข็งมาขว้างกันให้หัวแตกเลือดไหลนองแทนการนองของน้ำที่สาด ยังค่ะ!เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการคิดค้นพัฒนากระทั่งมาถึงในระดับสุดเดือดสุดแค้นแบบเจาะเลือดออกมาสาดเพื่อสาปแช่งให้ดังสะท้านโลกกันเลย เลือด!ค่ะ…เลือด!นะคะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำหวานบลูบอยสีแดง เอ..สงสัยจัง หรือเป็นเพราะว่าคนไทยเรามีเม็ดเลือดแดงเกินระดับปกติกว่าคนชาติอื่นถึงต้องเจาะออกมาสาดทิ้งกันซะบ้าง? เอาเถอะค่ะ ยังไงๆก็อย่าให้ถึงกับรวมกันเจาะมันสมองออกมาสาดกันกระจายเลยนะคะ…
โอ้!พระเดชพระคุณทั้งหลายเอ๋ย! จะตั้งหน้าตั้งตาเกลียดชังกันไปถึงไหน? เมืองไทยเราหลังจากยุคล่าอาณานิคมแล้ว พวกเราก็เหลือแผ่นดินกันอยู่แค่นี้เอง ถ้าคนไทยไม่รักไม่สามัคคีกันแล้ว มนุษย์จากดาวพระเคราะห์ดวงไหนล่ะคะถึงจะมารักและหวังดีต่อพวกเราคนไทยอีก? เพราะความรักความสามัคคีที่พวกเราเคยมีต่อกันมาไม่ใช่หรือที่ช่วยป้องกันแผ่นดินเกิดของเรามาจนถึงทุกวันนี้? แล้วทำไมเวลานี้ความรักระหว่างคนไทยเราถึงกลายเป็นความเกลียดชังแบ่งพรรคแบ่งพวกกันขนาดนี้?
สงกรานต์ปีนี้ไม่ว่าคุณจะใส่สีอะไรก็ตาม ขอจงหยุดพักสักนิดหนึ่งเถิดนะคะ เพื่อให้ความร้อนในบรรยากาศและความเกลียดชังกันนั้นได้ลดระดับอุณหภูมิลงบ้าง หาน้ำสะอาดเย็นๆเล่นสงกรานต์ด้วยกันให้สนุกสนานอย่างที่เคยเป็นมาดีกว่า และขออนุญาตฝากความรักความปรารถนาดีจากคนไทยที่อยู่ไกลบ้านมาถึงคนไทยทุกๆคนในเมืองไทยด้วยว่า
“รักกันไว้เถิด…เพื่อเมืองไทยแผ่นดินเกิดของเราจะได้มีแผนที่อยู่ในโลกตราบนานเท่านาน…ไม่มีคนชาติไหนจะเข้าใจและรักคนไทยเท่าคนไทยเราด้วยกัน… รวมกันเราอยู่ เราทะเลาะแตกแยกกัน…ศัตรูชอบใจ”
สวัสดีครับ เต้ครับ
เข้ามาอ่านแล้ว สนุกดีครับ
ที่ผมเข้ามาติดต่อน้าอ้อยในนี้เพราะไม่แน่ใจว่าได้รับอีเมล์หรือยัง เลยเผื่อทางติดต่อไว้
ยังไงถ้าเห็นข้อความนี้แล้ว ช่วยติดต่อเต้กลับผ่านอีเมล์ได้ไหมครับ มีเรื่องจะปรึกษาครับ
LikeLike
ยินดีต้อนรับหลานเต้นะจ๊ะที่แวะเวียนมาเยี่ยมบล๊อกนี้
น้าตอบอีเมล์ไปแล้วนะจ๊ะ
LikeLike