เมื่อวานแชทออนไลน์ทางยาฮู น้องยุรีก็ถามว่าเมื่อไหร่ผู้เขียนจะโพ้สเรื่องคุณไฮยิน่าต่อ? คือว่างี้ค่ะ อะแอ้ม! ที่ล่าช้าในเดือนนี้ก็เพราะผู้เขียนมีรายงานหลายวิชาที่ต้องเร่งเต็มสตรีมเพื่อให้เสร็จทันเวลา เลยแอบเอาเรื่องของ”ไฮยีน่า”ไปดองแช่น้ำปลาระยะหนึ่ง กะว่าให้เค็มจนเกลือขึ้นได้ที่แล้ว ถึงจะเอามาทำปลาร้า เอ๊ย จะมาโพ้สน่ะค่ะ ไปๆมาๆก็ล่าช้าอีกจนได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนต้องขอโทษมากๆเลยค่ะ ที่ส่งการบ้านช้า อิ…อิ…อิ….(ขอใช้เสียงหัวเราะแบบสมัยใหม่กับเขามั่ง) กรุณาหักคะแนนน้อยๆ แต่ขอให้อ่านกันนานๆ เหมือนที่ท่านรัก”สายัณห์ สัญญา” น้อยๆ แต่ให้รักสายัณห์นานๆนั่นแหละค่ะ เอ๊ะ!เกี่ยวกันหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะคะ
แต่สำหรับคุณไฮยิน่านั้น เธอได้ยินเสียงเห่าของเจ้าหญิงบ่อยๆ แต่ไม่สามารถรักเจ้าหญิง เอ๊ย!อดทนฟังได้นานๆ ตอนแรกเธอก็ยืนหน้าบึ้งถลึงตามองข้ามรั้วมาขู่เจ้าหญิงก่อน แต่ถึงเธอพยายามจะมองจ้องให้ตาโปนถลนออกมาเป็นตากบยังไงก็ตาม เจ้าหญิงก็หารับรู้และสนใจไม่ ว่าดังนั้นแล้ว…เมื่อเห็นไฮยิน่าทีไร เจ้าหญิงเดอะบีเกิ้ลก็จะเปลี่ยนระบบเสียงจากการเห่าแบบคลื่นเสียงธรรมดาๆ เรียบๆ เป็นแบบระบบเตือนภัยฉุกเฉิน เร่งเร้าและปลุกใจให้บรรดาน้องหมาๆในละแวกนั้นส่งเสียงตอบรับกันเป็นทอดๆ เนื่องจากเจ้าหญิงเป็นบีเกิ้ลที่ชอบออกกำลังกายในตอนเช้ามืดประมาณตีห้าทุกวัน หรืออย่างสายที่สุดก็ไม่เกินหกโมงเช้า เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าหญิงตื่น เธอจะส่งเสียงเพลงปลุกใจให้น้องหมาบ้านอื่นๆตื่นตามทันที เพื่อส่งคลื่นเสียงไปตามสายลมอ่อนๆตอนอรุณรุ่งให้ไปกระทบกับแก้วหูของคุณไฮยิน่าทุกครั้ง และก็ได้ผล เพราะไฮยิน่ามีอาการโกรธแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนหัวแทบจะหลุดจากบ่า เดินแกมวิ่งมาเคาะประตูหน้าบ้านผู้เขียนในวันหนึ่ง ซึ่งบังเอิญไม่ได้เจอกับผู้เขียนโดยตรง เพราะมัวแต่อยู่ที่ห้องใต้ดิน วุ่นวายอยู่กับกองสิ่งของที่ย้ายมาจากบ้านเก่า ดังนั้นไฮยิน่าจึงฝากข้อความผ่านคณะกรรมการผ้าป่า เอ๊ย!คนในบ้านไว้ว่า”ยู(ทุกคนในบ้านนี้)จะต้องกำจัดเสียงเตือนภัยเจ้าหญิงให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่งั้นไอจะโทรศัพท์ไปร้องเรียนที่เทศบาลให้มาจัดการ เพราะเสียงของเจ้าหญิงสร้างความรำคาญในระดับสูงให้กับระบบประสาทของไอเหลือเกิน”
เอ๊ะ!พูดแบบนี้ได้ไง(ว่ะ)ในเมื่อเจ้าหญิงไม่ได้เห่าตัวเดียวนี่หว่า บรรดาน้องหมาของทุกบ้านก็เห่าใส่ไฮยิน่ากันทั้งนั้น ขนาดน้องหมาสองตัวข้างบ้านเธอ ก็ยังเห่ากรรโชกโฮกฮากใส่ทันทีที่เห็นไฮยิน่ากลับถึงบ้าน ทั้งๆที่สองตัวนั้นอยู่ใกล้ชิดบ้านไฮยิน่ามากกว่าใครๆด้วย น่าจะคุ้นกลิ่นคุ้นเสียงของไฮยิน่าด้วยซ้ำไป แต่สองหมาหนุ่มกลับเห่าใส่แบบไม่ออมเสียงกันล่ะ ทำไมไฮยิน่าไม่ไปเตือนเจ้าของหมาหนุ่มทั้งสองนั้นบ้างล่ะ? แล้วอย่างนี้จะมากล่าวหาเฉพาะเจ้าหญิงได้ไง ถึงอย่างไรผู้เขียนก็ยอมไม่ได้แน่ แถมยัยไฮยิน่ามาแสดงบทบาทวางอำนาจสั่งยังกับเป็นตุลาการซะเองด้วย ให้มันรู้ซะบ้างว่าไผ๋คือไผ๋ นี่ถ้าคุณหล่อนมาบอกหรือพูดกันดีๆในแบบเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ผู้เขียนก็จะรีบจัดการให้อยู่หรอก
สงครามเย็นจึงเริ่มต้นตั้งแต่นาทีนั้น ทุกครั้งที่เจ้าหญิงเห่าไฮยิน่า ผู้เขียนจะใช้ภาษาอังกฤษบอกให้หยุด แต่ขณะเดียวกันจะใช้ภาษาไทยสั่งให้เจ้าหญิงเห่าต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเมื่อยกล้ามเนื้อที่ปาก และจะใช้วิธีเฉพาะกิจนี้สำหรับไฮยิน่าเท่านั้น ยิ่งเห็นไฮยิน่ามาด้อมๆมองๆที่ข้างรั้ว ผู้เขียนก็ยิ่งสนับสนุนการเห่าของเจ้าหญิงในภาคภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ส่วนคุณไฮยิโน่ (นามสมมุติของสามีไฮยิน่า เพราะขี้เกียจค้นหาชื่อให้ใหม่) แกทำตัวให้คุ้นเคยกับบรรดาน้องหมาๆในละแวกนั้นได้ดีกว่าภรรยา รวมทั้งคณะของเจ้าหญิงด้วย ไฮยิโน่จึงไม่ได้รับการรุมเห่าใส่ เหมือนไฮยิน่า อันนี้ผู้เขียนไม่ได้เสี้ยมสอนบรรดาน้องหมาๆให้เป็นกบฎต่อไฮยิน่านะคะ หากแต่เป็นมติเอกฉันท์ของบรรดาหมาๆทั้งหลายเองค่ะ
ทุกวันนี้ไฮยิน่าก็ยังเป็นตัวประหลาดแปลกปลอมในสายตาบรรดาหมาๆละแวกนี้อยู่ ซึ่งนับวันสถาณการณ์ก็ยิ่งเข้มข้นและตึงเครียดขึ้นยิ่งกว่าเหตุการณ์ในชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ยังไม่มีการปะทะกำลังกันระหว่างคุณไฮยิน่าและบรรดาเจ้าของน้องหมาเท่านั้นค่ะ
(ปล. แถมเพลงโปรดให้ฟังแก้กลุ้มค่ะ Daddy s Hands หรือไม่กลุ้มก็ฟังได้ กดชื่อเพลงสองครั้งนะคะ)