กว่าจะมาอัพเดทโพ้ส ก็เกือบหมดเวลาของเดือนพฤษภาคมแล้ว เอาเถอะมาสายดีกว่าไม่มาเลย…มีคำถามมามากมายว่า…แล้วเวลาที่ผ่านมาแคะขนมครกขายอยู่หรือไง? ทำอะไรหรือ? นั่งบรรจงแกะสลักสิวหัวช้างอยู่หรือไง? แหม…หากบรรยายภารกิจแต่ละอย่างคงไม่จบในวันนี้แน่….เอาเป็นว่ากลับมาทำหน้าอย่างเคยก็แล้วกันนะคะ
อย่างแรกที่ต้องตอบคำถามเพื่อนๆที่ช่วยลุ้นเป็นกำลังใจให้นักศึกษา(วัยเกือบแก่)มาตลอด โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ”เป็นไงปริญญาใบที่สอง เรียนจบหรือยังล่ะ ไม่เห็นส่งข่าวเลย” ก็ขอตอบและส่งข่าวตรงนี้เลยว่า “ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่…เอ๊ย….เพิ่งรับปริญญาไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคมที่ผ่านมา จากมหาวิทยาลัยWinona State University เจ้าค่ะ”
เฮ้อ… โล่งโต๊ะไปทีกองรายงานและการบ้านสารพัดทั้งหลายทั้งแหล่…ได้โอกาสสูดอากาศเข้าเต็มปอดเหมือนชาวบ้านอื่นๆเขาบ้างเถอะ …. แต่หลังจากคิดทบทวนไปมาอีกหลายตลบ ก็คิดว่าจะเรียนต่อปริญญาใบที่สามอีกสักใบก่อนเนื้อและหนังจะเหนียวและแก่เกินแกงกว่านี้…เพราะการลงทุนในชีวิตไม่มีอะไรคุ้มค่าเท่ากับการศึกษา เมื่อยังมีลมหายใจและยังพอมีช่องทางให้เรียนได้ก็ต้องรีบขนขวายไขว่คว้า แต่จุดหมายในการเรียนต้องไม่นึกถึงเพียงแค่ได้ใบปริญญามาสะสมใส่กรอบติดฝาบ้านให้ดูโก้หรูเท่านั้น แต่ต้องเรียนเพื่อนำความรู้ไปเผื่อแผ่แก่ผู้ด้อยโอกาสในถิ่นกันดาร เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสเหมือนเราบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยเป็นแสงเทียนเล่มเล็กๆบนทางเดินที่มืดมนของพวกเขาให้ได้มองเห็นอะไรต่ออะไรได้บ้าง…นี่คือจุดหมายปลายทางที่ผู้เขียนใฝ่ฝันมาตลอด…จนกลายเป็นความฝันที่สว่างไสวกลางพายุร้ายที่พัดกระหน่ำระลอกแล้วระลอกเล่า…แต่ความฝันนี้ยังไม่เคยดับมอดไปกับวันเวลาและไม่เคยสั่นสะเทือนกับสถาณการณ์ใดใดเลย…..อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต….ก็ขอให้ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินบนเส้นทางแห่งความฝันและถนนสายอุดมการณ์ของวีรบุรุษในดวงใจ” เช กูวารา” บ้างเถอะ แม้เพียงแค่ก้าวเล็กๆที่มิอาจเทียบได้เลยกับรอยเท้าของเช กูวารา.…ก็สุขใจแล้วค่ะ …..ขออนุญาตยืมคำคมของนักเขียนท่านหนึ่ง (หากจำไม่ผิดนักเขียนท่านนี้คือคุณวัฒน์ วรรลยางกูร)ว่าชีวิตคนเรานั้น ”ต้องฝันให้ไกล…ต้องไปให้ถึง” แต่ว่าความฝันของแต่ละคนอาจคล้ายกันหรือต่างกันก็สุดแท้แต่ว่าใครจะมีความฝันอะไรในชีวิต…แล้วคุณล่ะคะมีความฝันอะไรในชีวิตที่ต้องติดตามค้นหาหรือเปล่าคะ? หากมี..ก็ขอให้ประสพความสำเร็จในการค้นหานะคะ
อีกคนหนึ่งที่ต้องเอ่ยถึงในที่นี้เพราะอุส่าห์บินเดี่ยวข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นกำลังใจให้ถึงที่ในวันรับปริญญาของผู้เขียนคือ “น้องมยุรี ชูสมภพ”จากราชบุรีค่ะ….ขอบอกว่าซาบซึ้งสุดๆกับกำลังใจที่เธอหอบมาให้ในครั้งนี้ เพราะความจริงแล้วน้องรีไม่ใช่น้องสาวแท้ๆและไม่ใช่ญาติตัวจริงของผู้เขียน เพียงแต่เรารู้จักกันมานาน…นานมาก…จนเป็นยิ่งกว่าน้องสาวและเป็นยิ่งกว่าญาติตัวจริงซะอีก….เพราะครอบครัวของผู้เขียนและครอบครัวของน้องรีหรือบ้าน“ชูสมภพ” รู้จักกันมาตั้งแต่น้องรียังเป็นเด็กเล็กๆอายุตอนนั้นน้องรีอายุประมาณแปดหรือเก้าขวบมั้ง…ครอบครัวชูสมภพกับครอบครัวของเราเป็นเพื่อนที่นับได้ว่าเก่าแก่และยาวนานมาตลอดหลายสิบปี… เพราะฉะนั้นการมาของน้องรีในครั้งนี้คือการเชื่อมต่อของวันวารที่ผ่านเลย ให้กลับมาบรรจบพบกันอีกครั้งในวันนี้…ต้องขอกราบขอบคุณลุงมลและป้าทิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะม่วงกวนและกล้วยตากที่ป้าทินอุส่าห์ลงมือทำให้และฝากไปให้กินนั้น อ้อยรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก) รวมทั้งๆพี่ชายพี่สาวทุกคนของน้องรีด้วยนะคะ ที่ส่งน้องรีลูกสาวสุดท้องและน้องสาวคนสุดท้ายของครอบครัวมาเป็นตัวแทนเพื่อให้กำลังใจผู้เขียนในวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชีวิต….ขอจารึกน้ำใจที่ใสสะอาดและงดงามของครอบครัว”ชูสมภพ”ไว้ในความทรงจำของผู้เขียนตราบชั่วชีวิตสิ้น แผ่นดินมลาย…หากแม้มีสิ่งใดให้ได้ตอบแทนน้ำใจบ้านชูสมภพในครั้งนี้บ้างล่ะก็…จะไม่รีรอเลยค่ะ…รูปของน้องรีที่ถ่ายไว้ในช่วงอยู่ที่มินนิโซต้าก็จะนำทะยอยมาโพ้สให้ได้ชมกันเรื่อยๆค่ะ
ส่วนภาพผู้เขียนก็ต้องขอคิดให้ดีๆและหลายๆรอบก่อนตัดสินใจนำมาโพ้สนะคะ เพราะช่วงนั้นใกล้สอบfinal ทรมานสังขาร และอดหลับอดนอนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบเดือนเศษๆ เพราะต้องเร่งรายงานชิ้นมาสเตอร์ของวิชาเอกอย่างเต็มที่…. ดูหน้าตาตัวเองในกระจกตอนนั้นแล้วยังตกใจสุดขีด เพราะนึกว่าซอมบี้ที่ไหนโผล่มาเล่นจ๊ะเอ๋กับเราวะเนี่ย…อุ๊ย!ต๊กกะใจ…ขยี้ตามองอีกที อ้าว…นี่ตัวเราเองนี่หว่า…เลยไม่อยากให้แฟนคลับของบล๊อคนี้ต้องผวาและฝันร้ายไปด้วย….ตอนนี้ก็เริ่มดูเหมือนผู้เหมือนคนธรรมดาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มจนแทบอ้วก ถึงเวลาต้องวกลับไปทำมาหากินอีกแล้ว…และได้พลังใจมากพอที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาใบที่สาม
ที่สำคัญที่สุด…เพราะรอคำมั่นสัญญาของน้องรี ที่ว่าจะกลับมาเป็นกำลังใจให้พี่อ้อยอีกครั้งในวันจบการศึกษา..เอาล่ะคราวนี้สังขารถึงจะต้องโทรมยิ่งกว่าซอมบี้ก็ยินดีเจ้าค่ะ…เป็นไงเป็นกันสิน่า….ขอเพียงแค่มีกำลังใจเท่านั้น…ไม่ว่าความฝันอยู่ไกลแค่ไหนก็จะตะเกียกตะกายลุยไปให้ถึงให้ได้…….แล้วเราจะพบกันอีกครั้งที่สนามบินมินนิโอโปลิสนะจ๊ะน้องรี…อันนี้ไม่ต้องถามหยิงเค้าหรอก พี่บอกเองเลยจ้ะ…
ปล.มองหาผู้เขียนในรูปเอาเองนะคะว่าอยู่ตรงไหนเอ่ย? อิอิอิอิ…อุ๊บส์(โดนทุบ)