ชีวิตคนเราควรคิดก่อนทำ หรือทำก่อนคิด?
หลายคนมักจะเห็นด้วยว่าการทำก่อนคิดคือสิ่งที่คนเราควรทำอย่างยิ่ง แต่เชื่อไหมว่าชีวิตของคนส่วนมากมักทำก่อนที่จะมีโอกาสคิด เพราะ
1.สถานการณ์บังคับหรือความบังเอิญที่พลิกผัน
2.ต้องตัดสินใจในกรอบเวลาที่จำกัด
3.ความไม่นิ่งของชีวิต หรือมีตัวแปรแทรกเข้ามาอย่างกระทันหัน
กรณีที่ต้องทำก่อนคิดนั้นก็เพราะในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน เราไม่มีโอกาสรู้ว่าเมื่อไหร่สถานการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลานั้น เราถูกเหตุการณ์บีบบังคับให้ต้องทำก่อนคิดทันที เช่นสมมุติว่าเราไปหลงทางในป่าแล้วบังเอิญเผชิญเสือแม่ลูกอ่อนที่ดุร้าย ในช่วงขณะนั้นคงไม่มีใครมีเวลาคิดหรือวางแผนว่า “เอ…เราจะก้าวเท้าขวาหรือเท้าซ้ายออกวิ่งดีวะ? และคงไม่มีเวลาไปดูยามอุบากองก่อนว่าจะต้องรอจนกว่าช่วงเวลาสองศูนย์พูนสวัสดิ์ก่อนดีไหมถึงค่อยออกวิ่ง” ร้อยทั้งร้อยบอกได้เลยว่าสถาณการณ์คับขันแบบนั้น เท้าของเรามันจะออกวิ่งโดยอัตโนมัติ วิ่งแบบไม่คิดด้วยว่าวิ่งท่าไหนถึงจะดูสวยสง่า หรือเวลาที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นแบบจู่โจมเช่นน้ำท่วมหรือโดนพายุกระหน่ำรุนแรง สัญชาตญาณความอยู่รอดของมนุษย์คือต้องทำทันทีโดยไม่มีเวลาคิดนั่นคือต้องหนีให้รอด จะทำยังไงก็ได้ที่จะให้พ้นโดยที่ไม่มีโอกาสได้คิดมาก่อนเลยว่าจะป้องกันตัวเองให้รอดพ้นอย่างไร?
มีคนส่วนน้อยนักที่จะได้คิดก่อนทำ แล้วทุกอย่างจบอย่างสวยงามตามที่คิดไว้เหมือนเส้นตรงเป๊ะ ส่วนมากแล้วชีวิตมักจะมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเสมอ แล้วความบังเอิญนั่นแหละที่เป็นตัวแปรให้คนเราต้องทำโดยที่ไม่มีโอกาสคิดมาก่อน และชีวิตก็ไม่ใช่เส้นตรงที่ตายตัวเหมือนขีดด้วยไม้บรรทัด ไม่งั้นคงไม่มีตำราเส้นกราฟชีวิตที่หลายต่อหลายคนฉงนฉงายว่าทำไมแต่ละคนในโลกนี้เส้นกราฟชีวิตจึงไม่เหมือนกันเลย
เคยคุยกับผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งสมัยทำงานนานมาแล้ว ว่า
“ทำไมนะเส้นชีวิตของคนเราจึงไม่เคยตรงและราบเรียบ? ทำไมต้องมีขึ้นๆลงๆตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่?”
หัวหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ชัดเจนในความหมายว่า
“เส้นตรงคือเส้นของคนที่หมดลมหายใจแล้วเท่านั้น”