สมัยนี้คนเราเลือกที่จะสื่อสารกันผ่านทางเทคโนโลยี่หลายแบบ ทางโทรศัพท์มือถือ มีappหลากหลายที่ให้เลือกคุยกันผ่านทางอินเตอเนต และโปรแกรมคุยกันทางเนตที่สุดฮิตก็เช่น Facebook, Line, Talk, Hangout เป็นต้นและมีอื่นๆอีกหลากหลายเกินจาระไนหมด ไม่ว่าอยู่ใกล้ไกล เกือบทุกคนบนโลกนี้คุยผ่านทางอินเตอเนต ขนาดนั่งติดกันก็ยังคุยผ่านไลน์ เพราะไม่งั้นไม่ทันสมัยกับเขานะจะบอกให้ เพราะฉะนั้นมือถือ โน้ตบุ้ค คอมพิวเตอร์ กลายเป็นปัจจัยห้าของการมีชีวิตสมัยนี้ไปแล้ว จึงต่างต้องขนขวายหามาใช้ให้ได้ ไม่มีเงินก็ต้องกู้ ไม่รู้ล่ะดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ ช่างมันเถอะฉันต้องมีมือถือ มีอินเตอเนตคุย ไม่งั้นจะออกอาการหงุดหงิดผิดปกติ และอาจจะอาละวาดใส่คนข้างๆได้อย่างไม่เจตนาเพราะโรคไข้มือถือกำลังขึ้นสมองปรี๊ดๆ
คุยกันผ่านทางเนต แม้จะสะดวกรวดเร็วเหลือหลาย คุยปุ๊บ ตอบปั๊บ ส่งรูปหรือวีดีโอได้แป๊ป แต่คุณเคยรู้สึกไหมว่าบางสิ่งบางอย่างเริ่มขาดหายไปจากความปกติแล้ว นั่นคือการเขียนด้วยมือแล้วใส่ซองจดหมายส่งแบบสมัยก่อน หายากขึ้นทุกวัน การ์ดอวยพรกระดาษสวยๆน่ารักก็เริ่มลดลง เพราะมีE-Card ส่งให้ การจับปากกาเขียนเริ่มรู้สึกว่าตัวหนังสือไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เริ่มตัวโย้เย้แข็งๆไงไม่รู้ เพราะใช้นิ้วจิ้มคีย์บอร์ดจนเคยชิน
การเก็บเอกสารใช้เก็บใน usb หรือ external hard drive สะดวกรวดเร็ว พกพาไปไหนๆได้โดยไม่หนักกระเป๋าหรือเปลืองพื้นที่ แต่ลืมนึกไปว่าหากเผลอทำเจ้า external hard driveตกหล่น หรือ เจ้าusbเกิดเสียใช้งานไม่ได้ ทีนี้แหละนั่งหน้าแหลมหงุดหงิดวุ่นวายไปทั้งวัน เพราะไม่สามารถเปิดไฟน์ต่างๆในนั้นได้ จนกว่าจะเอาเจ้าตัวเก็บไฟน์ไปซ่อมซะก่อน แล้วคุณเคยรู้สึกไหมว่าการที่เอา usb หรือ external hard driveไปซ่อมที่ร้าน มันเป็นความวิตกกังวลแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยล่ะ เพราะคิดไปต่างๆนาๆว่าถ้าช่างซ่อมเขาเปิดดูไฟน์ที่เก็บไว้ในนั้นล่ะ? เนื่องจากบางไฟน์อาจแค่เขียนเล่นๆไม่มีอะไรเป็นความลับ แต่บางไฟน์ที่เก็บข้อมูลสำคัญๆทางเอกสารการเงินหรือทางกฎหมายที่คุณไม่อยากให้ใครรู้นอกจากคุณกับผู้ที่เกี่ยวข้อง คุณอยากให้ช่างซึ่งเป็นคนอื่นรู้ด้วยไหม? ถึงแม้ช่างอาจจะไม่เปิดดู แต่เมื่อคุณไม่ได้ยืนอยู่มองเขาซ่อมตลอดเวลา ใจที่ระแวงก็ยังคิดกังวลไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่เอาไปซ่อมก็เปิดไฟน์ทำงานไม่ได้ หรือต้องทิ้งไปโดยที่เอาอะไรออกมาไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ถ้ามองย้อนกลับไปเปรียบเทียบสมัยโบราณกับสมัยนี้ การเก็บเรื่องราวต่างๆสมัยโบราณใช้วิธีบันทึกในแผ่นดินเหนียว แผ่นหิน หรือแผ่นกระดาษทำจากเยื่อไม้หลากหลายแบบเช่นกระดาษปาปิรุส กระดาษเยื่อไม้ไผ่ แม้กาลเวลาผ่านมานานนับร้อยปี ร่องรอยการบันทึกนั้นยังมีอยู่ไม่สูญหาย เพราะเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ หรือหลักฐานการค้นคว้าอ้างอิงทางวิชาการต่างๆ ได้มาจากการบันทึกของคนโบราณแทบทั้งนั้น
ถ้าหากเรานำเอาวิธีของคนโบราณมาใช้ควบคู่กับเทคโนโลยี่สมัยนี้ การบันทึกเรื่องราวต่างๆก็น่าจะมั่นคงหนักแน่นกว่าการเก็บใน usb หรือ external hard driveแต่เพียงอย่างเดียว เพราะหากไฟน์เปิดไม่ได้หรือมีปัญหา เราก็ยังมีต้นฉบับที่เป็นบันทึกในกระดาษสำรองข้อมูลไว้ให้ เอามาลอกใหม่ พิมพ์ใหม่ได้ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือปิดเปิด แม้จะใช้เนื้อที่ในการเก็บรักษา แต่ก็คุ้มค่ากว่าการสูญเสียไฟน์ทั้งหมดไปในตัวบันทึกที่ใช้ไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญ ลองสมมุติดูนะว่าถ้าโลกทั้งโลกไฟฟ้ามีปัญหาและดับหมดทุกที่ คุณจะเปิดไฟน์ใน usb หรือ external hard drive หรือในคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร? นอกจากนั่งมองด้วยสายตาละห้อยโหยหาที่ชีวิตนี้ช่างเต็มไปด้วยความปวดร้าวและหงุดหงิด ที่ไม่คิดเตรียมตัวเตรียมใจแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดกับความไม่แน่นอนของยุคไฮเทค เชื่อเถอะค่ะว่าวิธีของคนโบราณ ไม่เคยล้าสมัย ถ้าคุณรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ในทุกสถาณการณ์