ค่ำคืนหนึ่งแสงจันทร์กระจ่างทั่วฟ้า แม่กับฉันนั่งคุยกันและมองดูแสงนวลจันทร์อย่างชื่นชม เป็นคืนที่แสนสบายและแสนอบอุ่นยิ่งนัก หลังจากการเดินทางที่แสนไกลหลายหมื่นไมล์เพื่อบินข้ามฟ้ามาพบแม่ แม่ถามไถ่ความเป็นอยู่ในต่างแดนของฉันอย่างห่วงใย ทั้งความเป็นอยู่ และสุขภาพ แม่รู้ว่าฉันชอบกินอะไร ก็เตรียมหาไว้ให้อย่างที่แม่เคยทำให้ฉันเมื่อตอนเด็กๆ แม่บอกว่าทุกครั้งที่แม่มองพระจันทร์ แม่จะอธิษฐานส่งความรัก ความเป็นห่วงและความคิดถึงให้ฉันทุกครั้งไป เผื่อว่าถ้าฉันนั่งมองดวงจันทร์อีกฟากฟ้าหนึ่ง จะได้รู้ว่าแม่เฝ้ารอการกลับมาเยือนของลูกคนนี้ตลอดเวลา
แม้กาลเวลาจะเติมจำนวนปีให้อายุแม่มากขึ้น…พร้อมริ้วรอยแห่งวัยที่สูงอายุ แต่ความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูกไม่เคยมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้เลย ความรักและความห่วงใยของแม่ยังหนักแน่นดุจหินผา แม้สายลมแห่งกาลเวลาก็มิอาจแผ้วพานได้แม้แต่น้อย แม่ขยับยากันยุงใกล้ฉัน กลัวว่าฉันจะถูกยุงกัดและไม่สบาย แม่หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กทำท่าปัดไปมาใกล้ๆฉัน แต่ฉันบอกแม่ว่าเลือดของฉันมีความเผ็ดร้อนเพราะชอบกินพริกเยอะ ยุงมันไม่กล้ามากัดหรอก แม่อย่าเป็นห่วงเลย
เราสองคนแม่ลูกคุยเรื่องความหลังเก่าๆกันอย่างสนุกสนาน ในจำนวนหลายๆเรื่องนั้นแม่ยังจำความดื้อและแก่นกระโหลกของฉันได้ เมื่อครั้งที่ฉันยังว่ายน้ำไม่เป็น แต่แอบไปเล่นพายกล่องโฟมแทนเรือเล่นกลางคลองน้ำหลังบ้าน แม่บอกว่าวันนั้นแม่ตกใจมาก กลัวว่ากล่องโฟมจะพลิกคว่ำเพราะฉันยังพายเรือไม่เป็น แถมท่าทางฉันเก้ๆกังๆทำให้กล่องที่สมมุติเป็นเรือนั้น หมุนวนไปมา แล้วยังมีน้องสาวคนที่สองนั่งในกล่องโฟมนั้นด้วย
นาทีนั้นแม่ทิ้งห่อของที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดทันที คิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ฉันและน้องสาวกลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย ฉันเองจำได้ว่าเห็นแม่วิ่งไปมาบนฝั่ง พร้อมตะโกนร้องเรียกให้ฉันระวังและค่อยๆพายกลับมาที่ฝั่ง แม่หาไม้ไผ่ลำยาวมาได้ ก็พยายามยื่นไม้เอาเกาะที่กล่องโฟม แล้วค่อยๆลากกล่องนั้นเข้ามา เราสองคนพี่น้องก็ขึ้นบนฝั่งอย่างปลอดภัย
แต่เรื่องราวหนึ่งที่พวกเราทุกคนไม่มีวันลืม ครั้งหนึ่งที่ฝั่งธนบุรี คือตอนที่แม่วิ่งตัดหน้ารถที่วิ่งขวักไขว่บนถนนจรัลสนิทวงศ์ เพื่อไปชิงเอาตัวน้องสาวคนที่สาม(ตอนนั้นอายุน้องประมาณสี่ขวบ)กลับมา หลังจากถูกชายและหญิงแปลกหน้ามาอุ้มน้องไปในขณะที่น้องนั่งหลับบนม้านั่ง และฉันก็เผลอมัวแต่ไปยืนจ้องมองไอติมในตู้แช่และไม่ได้ดูน้องตามที่แม่สั่งไว้ ในขณะที่แม่กำลังอุ้มน้องคนเล็กและวุ่นอยู่กับสั่งซื้อของกับเจ้าของร้าน แม่หันมาอีกทีน้องสาวคนที่สามหายไป แม่ถามฉันอย่างตื่นตระหนก ฉันเองก็ใจหายวาบที่ไม่รู้ว่าน้องหายไปตอนไหน
แม่ฝากน้องสาวคนเล็กไว้กับเจ้าของร้าน โดยให้น้องสาวคนที่สองยืนอยู่ด้วย ส่วนฉันกับแม่วิ่งไปมาบนฟุตบาทถนนเพื่อ มองหาน้องสาวคนที่หายไป ฉับพลันแม่เหลือบไปเห็นน้องสาวยืนร้องไห้ดังลั่นอยู่อีกฝั่งของถนน ภาพที่ฉันไม่ลืมตลอดชีวิตคือ แม่วิ่งอย่างรวดเร็วตัดหน้ารถที่วิ่งขวักไขว่ลืมความเป็นความตายที่ล่อแหลมเหลือเกิน แล้วแม่ก็แย่งดึงน้องสาวจากสองคนแปลกหน้ากลับมาจนได้ สองคนนั้นมันแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่าเห็นน้องเดินร้องไห้ข้ามถนนมาเอง ก็เลยอุ้ม แต่แม่รู้ดีว่าคือการโกหกคำโตของพวกมิจฉาชีพ มีคนที่ยืนรอรถแม่แถวนั้นเดินเข้ามามุงดูอย่างสนใจ สองคนนั้นก็รีบเดินไปที่อื่นทันที แม่กอดน้องแน่น และพากลับมาหาพวกเราที่ยืนรออีกฝั่ง แม่บอกฉันว่าถ้าหากคืนนั้นแม่หาน้องสาวคนนี้ไม่เจอ แม่คงตรอมใจและคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะลูกๆทุกคนคือชีวิต คือดวงตาดวงใจของแม่
แม่จ๋า…ไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วที่จะอบอุ่นและปลอดภัยมากไปกว่าอ้อมอกแห่งความรักของแม่
ก่อนเดินทางกลับ..แม่บอกว่าถ้าคิดถึงแม่ก็มองดวงจันทร์นะ แม้คนละฟากฟ้า แต่ก็มีจันทร์ดวงเดียวกันให้มอง และแม่จะมองทุกค่ำคืน เพื่อส่งความคิดถึงและเป็นห่วงมาให้ฉันเสมอ
ค่ำคืนนี้…พระจันทร์ไม่เต็มดวงอย่างคืนนั้น มีเพียงฉันนั่งมองจันทร์ครึ่งดวงอย่างเดียวดายอีกฟากฟ้าหนึ่งซึ่งแสนไกล คืนนี้ช่างเหงานัก… ความคิดถึงแม่ทวีคูณตามกาลเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยลดน้อยลงเลย…อยากบอกแม่เหลือเกินว่า แม่จ๋า…รักแม่สุดชีวิตของลูก