การเดินทางในชีวิตคนเรา เริ่มจากจุดของการแสวงหา…หาในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน…หาในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา… หาในสิ่งที่ตัวเองอยากได้มาครอบครอง…หาในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น…และหาในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันคือความยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งชีวิตที่ต้องมี..ต้องเป็น..และต้องได้ ทว่า..เส้นทางชีวิตของแต่ละคนมีความยาวไม่เท่ากัน
แม้ว่าเวลาของแต่ละคนมีชั่วโมงที่เท่ากันในแต่ละวันคือยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่การใช้เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเร่งรีบไปกับทุกวินาทีที่ผ่านไป แต่บางคนยังล่าช้าเลื่อนลอยกับการใช้เวลาด้วยความหลงผิดคิดว่าเวลาของเขายังมีอยู่อีกมากมายนัก จะรีบเร่งไปทำไมนักหนา? ผลัดผ่อนกับตัวเองเสมอว่ารอถึงวันนั้น วันโน้น หรือเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆก็ผลักออกไปอีกแบบเรื่อยเปื่อย ในขณะที่บางคนใช้เวลาด้วยการวางแผนชีวิตในแต่ละโมงยามที่ผ่านไปว่าต้องทำอะไรให้แล้วเสร็จบ้าง? จะพักผ่อนเมื่อไหร่? จะเดินทางท่องเที่ยวตอนไหน? ทุกอย่างล้วนมีกำหนดการณ์และเป้าหมายให้ทำอย่างระมัดระวัง แต่บางครั้งไม่วายที่จะก้าวพลาด เพราะบางทีปัญหาอื่นๆเข้ามาขัดจังหวะก่อนที่ภาระกิจต่างๆจะเสร็จทันเวลา อาจต้องล่าช้าจากหมายกำหนดการณ์ที่วางไว้ แต่ไม่ว่าจะใช้เวลาของชีวิตแบบไหนก็ตาม เคยมีใครสักคนไหมที่หยุดพิจารณาว่า เมื่อถึงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง ทุกคนก็ต้องวางลง…วางทุกอย่างในวันสุดท้ายของลมหายใจนั่นเอง
บทสรุปของชีวิตแต่ละคนต่างกันและไม่ซ้ำกัน บางคนทิ้งร่องรอยให้คนที่อยู่ข้างหลังสร้างสรรค์ต่อไป บางคนทิ้งความอัปยศอดสูให้คนในวงศ์ตระกูลต้องเศร้าใจ บางคนก็ทิ้งเพียงความว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีตัวตนในโลกนี้มาก่อน บางคนทิ้งประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ให้มวลมนุษยชาติได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในสิ่งที่ตัวเองประดิษฐ์ตราบนานเท่านาน (เช่นโทมัส เอดิสันผู้คิดประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าให้ผู้คนรุ่นหลังได้พบแสงสว่างไสวในเวลาค่ำคืน)
ชีวิตผู้คนบนโลกนี้ยังมีอีกมากมายหลายล้านคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง แต่ใครจะเลือกเส้นทางให้ตัวเองแบบไหนนั้น อยู่ที่ใจตัวเองกำหนดทั้งนั้น ไม่ใช่เพียงรอโชคชะตาหรือปฏิหารย์ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่รอให้ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์แล้วค่อยออกเดินทาง แต่เราทุกคนต้องออกเดินทางเพื่อหาความพร้อมตามเส้นทางที่ผ่านไปเรื่อยๆกับกาลเวลา อย่ารออะไรหรือรอใครมาคอยกระตุ้นว่าต้องออกเดินแล้วนะ หรือถึงเวลาแล้วนะที่ต้องทำหรือต้องไป
อย่าหวังว่าโอกาสหรือความบังเอิญหรือความโชคดีจะเกิดขึ้นซ้ำๆซากๆ เพราะยิ่งรอคอยโอกาสหรือปาฏิหารย์นานเท่าไหร่ ชีวิตเราก็ยิ่งล้าหลังคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น บางทีรอทั้งชีวิตก็ไม่มีปาฏิหารย์อะไรเกิดขึ้นสักอย่าง อย่าหวังว่าคนอื่นจะเติมความฝันของเราให้เต็ม แต่จงเติมกำลังใจให้ตัวเองให้เปี่ยมล้นทุกวันในขณะที่เดินทางไปข้างหน้า
จงเดินต่อไปเถิด เดินให้สนุกและเพลิดเพลินในแต่ละนาทีที่ยังมีชีวิตอยู่ดีกว่าการหยุดนิ่งและหยุดรอ ทำอะไรได้ก็รีบทำให้เสร็จ อย่าผลัดผ่อนตัวเอง อย่าร่ำไรกับคนอื่นๆที่เดินทางในถนนสายที่ใกล้เคียงกับเรา ไม่ต้องถามเหตุผลหากเขาต้องการหยุดพัก หรืออยากล่าช้ากับจุดหมายของตัวเขาเอง แค่บอกและอวยพรขอให้เขามีกำลังใจเดินต่อไป จากนั้นก็เดินผ่านเขาไปตามทางของเราต่อ ถ้าเขาไม่ต้องการเดินต่อไป มันก็ไม่ใช่ธุระหรือหน้าที่ของเราที่ต้องคอยรับผิดชอบในชีวิตเขา อย่ามัวให้โอกาสใครต่อใครทั้งโลก จนลืมให้โอกาสตัวเอง เพราะเรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลชีวิตตัวเองเต็มที่อยู่แล้ว
จงก้าวเดินต่อไป…เดินไปเรื่อยๆกับวันเวลาที่ผลักเราไปข้างหน้า อย่าสะสมสัมภาระที่เป็นของนอกกายมากมายนัก เพราะมันเป็นตัวถ่วงให้เราต้องเดินลำบาก ต้องทั้งลากทั้งจูงเกียรติยศเงินทองและทรัพย์สมบัติทั้งหลายไปกับเรา เพื่ออะไรกัน? เพราะเมื่อถึงเวลา เราก็ต้องปล่อยวางกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม จงจำไว้ว่าหน้าที่ของเราคือเป็นนักเดินทางที่ดีและเดินในทางที่ถูกที่ควร เดินให้เหมาะกับเวลาและโอกาสที่ถูกกำหนดไว้ จนถึงจุดหมายในถนนชีวิตสายนี้ก็เพียงพอแล้ว