นานๆทีที่ผู้เขียนมีฤกษ์ยามปลอดโปร่งให้ได้ทำอาหารตามสูตรอร่อยที่เก็บสะสมมาจากตำราหลายแหล่ง โดยเฉพาะอาหารฝรั่ง บางสูตรพยายามทำยังไง้… ยังไงหน้าตาที่ออกมาก็ยังดูประหลาดๆพิกลไม่เหมือนต้นฉบับเดิม ก็เลยต่อเติมเสริมสูตรแบบเลยตามเลยและเกินเลยอีกต่างหาก กลายเป็นสูตรเฉพาะตัวไปอีก สูตรหนึ่ง ซึ่งในชาตินี้ทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ ส่วนครั้งต่อไปจำไม่ได้แล้วว่าใส่อะไรเพิ่มอะไรลงไปบ้าง เพราะตอนที่มั่วเติมเครื่องปรุงลงไปนั้นไม่ได้ชั่งตวงวัดให้เป็นมาตราฐานซะก่อน อาหารเสร็จแล้วรสชาดจะกินได้หรือไม่ได้นั้น ผู้เขียนไม่ทราบค่ะ เพราะมีหนูตะเภาในบ้าน เอ้อ..ขอโทษค่ะ…มีคนในบ้านซึ่งผู้เขียนขอร้องแกมบังคับ แถมขู่เข็ญคาดคั้นและข่มขู่ให้กินกันให้หมดเกลี้ยง
“ถ้ารสชาดมันแปลกๆ จะกินไม่หมดได้ไหม?” คนถูกบังคับให้เป็นหนูตะเภาถามเสียงอ่อยๆ พร้อมส่งแววตาละห้อยโหยหา
“มันจะแปลกยังไงอีกล่ะ(วะ)? จะแปลกหรือไม่แปลกจะอร่อยหรือไม่อร่อย ทุกคนต้องกินให้หมดนั่นแหละ อย่ามาเรื่องมากอุส่าห์เสียเวลาทำให้กินแล้วยังจะมาพิธีมากเรื่องเยอะอีกเหรอ? รู้ไหม?มีคนอีกกี่ร้อยกี่ล้านคนในโลกนี้ที่เขาต้องอดอยากไม่มีอาหารจะกิน นี่มีให้กินแล้วยังจะเล่นตัวอีกเหรอ แล้วก็…”
“เอาล่ะๆๆๆๆ พอๆๆ พอแล้ว….กินเป็นกิน ตายเป็นตายกันล่ะวะวันนี้!”หนูตะเภาตัวใหญ่บ่นงึมงำ
“นี่!ให้กินอาหารนะ ไม่ใช่ให้ไปออกรบที่อิรัค! กินเสร็จแล้วช่วยโหวตให้คะแนนด้วย จะได้รู้ว่าครั้งต่อไปต้องเติมหรือลดเครื่องปรุงอะไรบ้าง โหวตดีๆด้วยไม่งั้นฮึ่ม! แล้วก็กินซะให้หมดเกลี้ยง แม้แต่วิญญาณอาหารก็ห้ามเหลือทิ้งเหลือขว้างนะ ของมันแพง!”ผู้เขียนยื่นคำขาด
เป็นเพราะว่าไม่มีใครในบ้านนี้ชอบเข้าครัวเลยสักคน นอกจากผู้เขียนที่จำเป็นต้องชอบและต้องเข้าครัวดังนั้นผู้เขียนจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ ได้อย่างสงบเรียบร้อย เพราะไม่งั้นแล้วในมื้อต่อๆไปจะมีแต่โต๊ะว่างเปล่า ปล่อยให้ทุกคนอ้าปากงับอากาศกินกันแก้หิวไปเรื่อยๆ ซึ่งก็คงจะอิ่มแปร้และสนุกสนานกันน่าดูเชียวล่ะค่ะ
พี่แป้นเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งของผู้เขียนซึ่งเป็นแม่บ้านผู้ขยันขันแข็ง เอาอกเอาใจก็เก่ง พยายามอย่างยิ่งที่จะทำอาหารให้พ่อเจ้าประคุณสามี(อเมริกัน)ที่แสนจะจู้จี้จุกจิกและเจ้าอารมณ์ทำอะไรให้กินก็บ่น ไอ้นี่ก็ไม่ถูกปาก ไอ้นั่นก็ไม่ได้เรื่องกับข้าวไทยก็เหม็นกระเทียม น้ำพริกกะปินี่ พี่แกตำในบ้านไม่ได้เลยก็แล้วกัน เพราะคุณหมูยักษ์(อันนี้เรียกตามที่พี่แป้นตั้งให้นะคะ) แกจะบ่นไปสามปีกับอีกสี่เดือน(ส่วนอีกวันและอีกกี่ชั่วโมงนั้นพี่แป้นไม่ได้บอกมาค่ะ) ว่าทำให้บ้านเหม็นคลุ้งไปด้วยกระเทียม
“จะกินอะไรที่พี่อยากกินก็ทำไม่ได้ อีตาหมูยักษ์มันเป็นก้างขวางคออยู่เรื่อย รู้งี้แต่งงานกับพ่อค้าขายหมึกย่างข้างบ้านยังจะดีกว่า”พี่แป้นรำพึงรำพันกับผู้เขียนในวันหนึ่ง
“พี่ทำไมไม่ลองคุยกับแกดีๆล่ะว่าพี่ก็อยากจะกินอาหารไทยรสจัดๆบ้าง มันก็ต้องมีเครื่องปรุงที่กลิ่นแรงเป็นธรรมดานั่นแหละ อย่างน้ำพริกกะปิ นานๆพี่ตำที แฟนพี่ก็ไม่น่าจะว่านะ”
“พี่ขี้เกียจพูดแล้วล่ะ พูดไปเดี๋ยวก็ทะเลาะกันเปล่าๆ อีตานี่แกยิ่งอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า อยู่ด้วย อีกอย่างเราอยู่กันมานาน ทะเลาะกันไปก็อายลูกอายหลานมันน่ะ นอกจากนี้นะแฟนพี่ยังขี้ตืดเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านด้วยจะซื้อกับข้าวทีก็ย้ำอยู่นั่นแหละว่าต้องถูกๆดีๆและอร่อยๆด้วย เวลาทำอาหารต้องรู้จักประหยัดไฟ อย่าใช้ไฟเปลือง สักวันเถอะ!พี่ทนไม่ไหวก็จะระเบิดเปรี๊ยงปร้าง ให้มันพังกันไปข้างเลยว่ะ! วันนี้พี่เกือบจะอดไม่ไหวอยู่แล้วนะเนี่ย”
“ใจเย็นๆน่าพี่แป้นก็ไหนพี่เพิ่งบอกเราว่าไม่อยากทะเลาะกับแฟนเพราะอายลูกหลาน? ว่าแต่วันนี้พี่มีเมนูกับข้าวอะไรล่ะ? เผื่อเราจะลองทำมั้งน่ะ”
“ยังไม่รู้เลยอ้อย….เอาไว้ให้พี่กลับไปดูของในตู้เย็นก่อน”
พี่แป้นคุยกับผู้เขียนสักพักแกก็กลับไปบ้านเพื่อเตรียมอาหารให้คุณหมูยักษ์ ค่ำวันนั้นประมาณสองสุ่มกว่าๆพี่แป้นก็โทรมาส่งข่าว
“วันนี้พี่มีเมนูเด็ดให้ไอ้ปลาวาฬบ้ามันกินว่ะอ้อย!” เสียงพี่แป้นดุดันชอบกล แถมใช้สรรพนามเรียกสามีแกอย่างที่ผู้เขียนไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แล้วแฟนพี่เขาชอบไหม?”
“ก็ไม่รู้มันสิ…เห็นมันนั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมซดโฮกๆอยู่น่ะ”
“พี่คงทำต้มจืดหรือไม่ก็ซุปล่ะสินะ? ใส่อะไรบ้างล่ะพี่แป้น?”ผู้เขียนถาม
“ไม่ใช่ซ้ง! ไม่ใช่ซุปหรอก! วันนี้(แม่ง) มันบ่นเรื่องอาหารไม่ถูกปากอีก แล้วก็บ่นเรื่องค่าไฟฟ้าอะไรต่ออะไรของมันก็ไม่รู้ พี่เลยเดือดตัดปัญหาบอกมันว่าวันนี้ฉันจะทำอาหารที่ราคาถูกที่สุด ดีที่สุด แล้วก็ไม่ต้องเปลืองไฟฟ้าด้วยก็เลยจัดการเอากะละมังเล็กรองน้ำก๊อกให้มันกินเป็นอาหารมื้อเย็นซะเลย บอกกับมันว่านี่เป็นราคาอาหารที่ถูกที่สุดในโลกราคาถูกกว่านี้ไม่มีแล้วโว้ย ขืนบ่นอีกล่ะก็ ตูจะแกงลูกปืนให้กิน! แต่ราคาอาจจะแพงขึ้นมานิด หมูยักษ์มันอึ้งไปเลย พี่ยึดอำนาจในครัวสำเร็จแล้วว่ะอ้อย!”
………………………………………………………………………..
© Rungaroon Plintron, 2017
Clipart : Millions thanks and credit to: Pixabay