เคยมีคนถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะย้อนกลับไปอีกไหม? ผู้เขียนนั่งคิดนานเหมือนกันกับคำตอบ เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ถนนไฮเวย์ที่ราบเรียบ ที่นึกจะย้อนขับกลับไปอีกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตประกอบขึ้นด้วยประสพการณ์มากมายที่ผ่านเข้ามา มีทั้งความสุขและทุกข์สลับกัน แน่นอนว่าใครๆก็อยากที่จะกลับไปหาวันเวลาแห่งความสุขนั้นอีกหลายๆครั้ง แล้วช่วงวันเวลาที่มีปัญหาหรือความทุกข์ล่ะ? จะให้มันไปยืนรอตรงไหน? จะลบออกไปยังไงไม่ให้เหลือร่องรอย? ในเมื่อกลับไปหาความสุขได้ ก็ต้องกลับไปหาความทุกข์เก่าด้วยเช่นกัน
นั่นก็หมายถึงว่าหากการย้อนกลับไปในเวลาเก่าๆได้ รวมวันเวลาที่มีทั้งความสุขสดชื่นหรือ วันคืนแห่งความทุกข์ทรมานก็ตาม เราก็จะต้องกลับไปซ้ำเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นทั้งสองที่ ถ้าหากใครมีชีวิตที่มีแต่ความสุขราบรื่นมากกว่าความทุกข์ทรมาน ก็น่าคุ้มหรอกนะที่จะย้อนกลับไปอีกหลายๆครั้ง แต่คนที่ต้องอยู่กับความทุกข์ทรมานมานาน กว่าจะผ่านคืนวันเหล่านั้นมาได้ต้องใช้เวลาฝ่าฟันมาแทบเลือดตากระเด็นจนถึงวันนี้ คุ้มไหมที่จะย้อนกลับไปทุกข์ทรมานแบบนั้นอีกครั้งๆ ทั้งๆที่เดินมาไกลขนาดนี้แล้ว?
โชคดีที่ในความเป็นจริงชีวิตไม่สามารถเดินย้อนรอยกลับไปในเวลาของอดีตได้ แต่พระเจ้าท่านก็ให้ความทรงจำสำหรับมนุษย์ทุกคนได้บันทึกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาและสามารถใช้จินตนาการย้อนรอยกลับไปได้อีกหลายๆครั้ง หลายต่อหลายคนใช้ความทรงจำเหล่านั้นเป็นข้อเตือนใจ เป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตอยู่กับปัจจุบันและรู้จักปรับปรุงให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆในแต่ละวัน รู้จักใช้ประสพการณ์ในอดีตเอามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์เพิ่มพูนคุณค่าทั้งชีวิตและจิตใจตนเองอย่างน่าชื่นชม นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เรียนรู้แง่มุมต่างๆของชีวิตด้วยนะ
แต่ก็มีคนอีกมากมายไม่สนใจจดจำบทเรียนในอดีตที่ผิดพลาดเหล่านั้น แล้วก็ยังดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างจากอดีตมากนัก กี่เดือนกี่ปีผ่านไปก็ช่าง คนประเภทนี้มักจะพร่ำเพ้อ พร่ำบ่นน้อยใจ เศร้าใจกับโชคชะตาของตัวเองอย่างไม่รู้จบสิ้น แล้วก็เที่ยวไปโทษเวรกรรม โทษฟ้าดิน โทษคนนั้นคนนี้ว่าเป็นเหตุให้เขาหรือเธอต้องจมปลักกับสภาพเช่นนั้นตลอดมา แต่กลับไม่เคยโทษตัวเองที่ไม่รู้จักดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากความทุกข์หรือปัญหาต่างๆ เหมือนกับคนที่ตกลงไปในหลุมลึก แทนที่จะหาทางพยายามตะเกียกตะกายปีนป่ายให้พ้นจากหลุมให้ได้เหมือนคนอื่นๆ กลับนั่งคร่ำครวญอยู่ที่หลุมลึกนั้นเพื่อรอคอยปฏิหารย์ให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งๆที่บางครั้งมีคนเข้ามาตะโกนบอกวิธีต่างๆให้ปีนขึ้นมาให้ได้ เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน นั่งอยู่ในท่าไหนก็ยังนั่งอยู่ในท่านั้นแหละ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็มิได้มีความหมายอะไรให้คนเหล่านี้มีความคิดพัฒนาขึ้นมาได้เลย
เพราะฉะนั้นถ้ามีคนมาถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะย้อนกลับไปอีกไหม? ผู้เขียนไม่ย้อนกลับหรอกค่ะ เพราะช่วงเวลาชีวิตคนเราไม่มีใครกำหนดรู้ได้ว่าเวลาปัจจุบันของเราเหลือเท่าไหร่? ขอเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆดีกว่า ชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายที่แตกต่างจากวันวานให้ค้นหา การเรียนรู้ในแต่ละวันสนุกกว่าการเดินย้อนกลับไปซ้ำซากกับวันเวลาเก่าๆ แม้ว่าวันเวลาเหล่านั้นยังมีความทรงจำที่งดงามมากมากมายก็ตาม แต่มันก็ผ่านไปแล้ว จะมัวยึดจับหน่วงเหนี่ยวมันไว้ทำไมกัน?