For me, life is the surviving war that must fight to live, fun to learn, and, free to fear.
• Thailand is my beloved homeland and gives me the starting life.
• U.S.A. gives me two educational degrees and opportunity to learn more about life and the world.
• I owe both countries for my life learning.
คำว่า”ชีวิต”สำหรับฉันคือสงครามของความอยู่รอด ต้องสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ ต้องสนุกกับการเรียนรู้ และต้องอยู่แบบท้าทาย
เมื่อตอนเด็กๆ ชอบวิชาภาษาไทยมากที่สุดไม่ว่าการอ่านบทร้อยแก้วร้อยกรอง หรือการเขียนเรียงความ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับวิชาภาษาไทยคือความสนุกเพลิดเพลินไม่รู้จบ พ่อคือครูคนแรกที่ทำให้ผู้เขียนรู้จักตัวหนังสือภาษาไทยและเริ่มอ่านออกเมื่อพ่อซื้อหนังสือนิทานให้เป็นของขวัญในวันเด็ก ความที่อยากรู้ว่าเรื่องราวในหนังสือเป็นอย่างไร ก็พยายามรบเร้าให้พ่ออ่านให้ฟังและสอนให้อ่านด้วย จึงอ่านหนังสือออกก่อนเข้าเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง นั่นคือการเข้าสู่ในโลกแห่งตัวอักษรเป็นครั้งแรกในชีวิต
นอกจากนี้ได้รับแรงบันดาลใจสนับสนุนจากคุณครูและอาจารย์ทุกท่านที่เคยสอนภาษาไทยให้ผู้เขียนในชั้นประถมและในชั้นมัธยม ทุกท่านคือผู้ที่ช่วยกันปลูกฝังต้นไม้แห่งความรักในภาษาไทยให้เติบโตอย่างงดงามในโลกแห่งความคิดและจินตนาการของศิษย์ผู้นี้
คุณงามความดีใดใดที่มีในงานเขียนเหล่านี้ ผู้เขียนขอมอบให้แด่พ่อกับแม่และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ผู้จุดประกายความรักความฝันในโลกตัวอักษรให้สว่างไสวในใจของผู้เขียนตลอดกาล
สวัสดีคะ พี่อ้อย ที่รักและคิดถึงเสมอ ตั้งแต่วันนั้นตาก็ไม่กล้าที่จะเขียนจดหมายถึงพี่อีกนะคะ ทั้งๆที่คิดถึงพี่มากเลย และเหงามากๆคะ แต่ก็ไม่กล้า คิดว่าพี่คงผิดหวังในตัวตามาก ก็เลยเสียใจและไม่กล้าสู้หน้าพี่นะคะ แต่อีกใจหนึ่งคิดอยู่เสมอว่า พี่เป็นคนจิตใจดี และมีเมตตา พี่คงจะเข้าใจ ถ้าพี่ไม่โกรธหรือผิดหวังในตัวของตา พี่ตอบเมลล์ด้วยนะคะ อยากถามข่าวของพี่นะคะ ว่าเรื่องร้านเป็นอย่างไรบ้างคะ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ตอนนี้ยูการิเขาก็อยู่ที่ลอนดอนนะคะ ตาก็หมดเงินไปกับเขาเยอะมาก ก็คิดว่าต่อจากนี้เขาคงช่วยตัวเองได้บ้างนะคะ ถ้าอย่างไร พี่ก็ส่งข่าวหาตาบ้างนะคะ ตามีความอบอุ่นใจเสมอเวลาคุยกับพี่นะคะ แต่ไม่ทราบว่าพี่ลำบากใจหรือเปล่าเวลาคุยกับตานะคะ อย่างไรตาก็ต้องขอบคุณพี่มากคะ และคิดถึงพี่เสมอ รักพี่คะ
LikeLike
หวัดดีจ้ะตา
ดีใจมากๆที่ได้ข่าวของตานะ เป็นไงบ้าง? มีปัญหาอะไรก็คุยได้ตามสบายเลยตา ส่งเป็นเมล์ส่วนตัวแบบที่ตาเคยส่งนั่นแหละจ้ะ
ไหนว่าจะมาช่วยทำร้านอาหารกับพี่ไง? มาสิตา
กิจการเพิ่งเริ่มตั้งต้น ก็พอใจกับผลลัพธ์นะตา ทำให้มีกำลังใจเดินหน้าต่อไป
แล้วพี่จะส่งเมล์ส่วนตัวตามมาอีกทีนะ ช่วงนี้พี่ยังไม่ได้โพ้สเรื่องคุยกันเลย เพราะวุ่นอยู่กับงานที่ร้านตลอด
คิดถึงนะ
LikeLike
โผล่เข้ามาในแวบของพี่ด้วยหน้าตาเซ่อซ่า ไม่เคยเปิดเข่้ามาเลย เข้ามาแล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรมากมายมากกว่าที่จะคิดนะคะ พี่คงไม่ว่านะคะที่เข้ามายุ่มย่ามที่นี่นะคะ
LikeLike
ยินดีต้อนรับน้องตาด้วยความยินดียิ่ง..
เชิญเข้ามานั่งเล่นๆให้หายเหนื่อยก่อน..หรือจะนอนพักหลับสักตื่นก็ตามสบายนะจ๊ะ
อยากอ่านอะไรก็เปิดหาตามสบายเลยจ้ะ..
เป็นไดอารี่ของคนที่ชอบเขียนอะไรจุกๆจิกๆน่ะจ้ะตา…
เขียนตามอารมณ์เรื่อยเปื่อย..บางวันก็เขียนตามตลาดหุ้นที่ขึ้นๆลงๆ
บางวันก็งงๆเหมือนกันว่าเขียนอะไร…อิอิอิ…(หัวเราะแบบสมัยใหม่ไง)
LikeLike
อ้อย
เราลองส่งเมล์ให้อ้อยในนามเมล์เดิมของอ้อย ยังไงก็ตอบบ้างน่ะ
เราเอง
LikeLike
เย็นเสาร์ที่ 25 ก.พ.55(ไทย)
อ้อย เราเปิดดูเมล์เราแล้วไม่มีเมล์อ้อยส่งมาน่ะ
เราเอง
LikeLike
ตอบไปแล้วนะตุ๊ ได้อ่านหรือยัง?
LikeLike
ตอบไปแย้ว.. เอ๊ย!ตอบแล้วตุ๊
อีเมล์เราก็ส่งมาที่ยาฮูได้เลยที่นี่นะ….
rainbowrain97@yahoo.com
รับรองถึงแน่
หรือจะส่งไปที่ oieplintron@yahoo.com
ก็ถึงเช่นกัน เพราะเราเปิดไว้สองที่สำหรับบล๊อคของเรากับบล๊อคของน้องหมา
LikeLike
ถึง อ้อย เพื่อนรัก
โผล่มา อีกทีก็ปลายเดือนที่ 2 ของ ปี 2555 แล้ว คิดถึงน่ะ แต่ด้วยอะไรต่างๆนานาในความเป็นภาระแห่งวัย เราต่างคนก็ต่างเงียบไปในระยะหนึ่ง กลับมา เด็กหญิงในวัย…….ป.3 เจอกันอีกคงจำกันได้ อีเมล์เราคงเดิม ทุกๆๆอย่างคงเดิมยกเว้นร่างกายและวัย(อายุ) ยังไงก็ส่งที่อยู่อ้อยใหม่ทางเมล์ให้ด้วยน่ะ
เด็กหญิง ป.3 เอง
LikeLike
ถึงตุ๊เพื่อนเก่าที่เราไม่เคยลืม
ดีใจสุดๆที่ได้เห็นข้อความของตุ๊ที่นี่อีกครั้ง คิดถึงเช่นกันนะเพื่อน คิดถึงมากด้วยสิ เพราะตุ๊เองก็หายไปนานนะ ตอนช่วงปีใหม่ส่งส.ค.สไป และอีเมล์ส่งข่าวเรื่องย้ายที่อยู่ใหม่ก็ไม่ได้รับตอบจากตุ๊เลย
ยังคิดหลายตลบว่าเป็นเพราะอะไรหนอ? อาทิตย์ก่อนยังเอารูปเก่าๆที่ครอบครัวพวกเราเคยไปเที่ยวเมืองโบราณที่สมุทรปราการมานั่งดูเล่น ภาพแห่งความสนุกสนานวันวารเหล่านั้น ยังอยู่ในความทรงจำของเราอย่างแจ่มชัด ยังจำเช้าวันที่เราไปพักที่บ้านตุ๊ แล้วตื่นขึ้นมาตุ๊เตรียมน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไว้รอเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ…แต่วันนี้ตื่นขึ้นอย่างดีก็แค่ต้มน้ำร้อนชงชากินแก้เซ็ง เพราะอากาศฤดูหนาวที่มินนิโซต้าเหงาจับใจ ทวีความคิดถึงบ้านอีกร้อยเท่าตัว….ยิ่งฟังเพลงของ”คิดถึงบ้าน”ของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญแล้วอาการของความคิดถึงยิ่งหนักกว่าเก่า…
จากอดีตเด็กหญิง(ป.3ข ห้องคุณครูกุหลาบ) ที่เคยทะเลาะกับตุ๊เรื่องขี้ฝุ่นใต้โต๊ะ
LikeLike
เราเคยไปเวียดนามกลาง และเมื่อตุลา 52 ไปเวียดนามเหนือ
ไปทางรถทั้ง 2 ครัง ครังหลังไปข้ามเรือที่นครพนมเฃ้าวันที่ 9 ต.ค.52 ข้ามไปเล่า ที่ลุ้นและตื่นเต้นน่ะ เราว่าถ้าคนใจร้อนในการขับรถต้องส่งไปฝึกจิตที่เวียดนามน่ะโดยเฉพาะที่กรุงฮานอย บรม(ที่สุดในโลกของความวุ่นวายทางการจารจร) มีเรืองตื่นเต้นและขำ คือไปถึงฮานอยในคำวันที่ 10ตุลา 52 รถที่เรานั่งไปประมาณ20 คน(ไป 2 คัน)รถทัวร์คนเวียดนามจดทะเบียนที่ลาว รับมาตั้งแต่ขั้นฝั่งที่ลาวแหละ วันแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร พอวันที่ 2 จะมานอนที่ฮานอย รถก็เริมรวนตั้งแต่ขึ้นเชากลางทางตลอดระยะการเดินทางระหว่างเมืองมีแต่ภูเขาที่ไหล่ทางมองลงไปเป็นเหว คดเลี้ยวหักศอก แต่ยอมรับคนขับเขาเก่งจริงๆๆ มอขับอย่างพี่พงษ์ยังยอมรับเลย พอมาถึงสะพานกลางกรุงฮานอยรถก็ถึงเวลาเสียดับสนิทกลางสะพานท่ามกลางความว่นวายการจราจร(ส่วนใหญ่เป็น
มอเตอร์ไซด์) และก็เสียงแตรที่ดังกว่าแตรเมืองไทย รถติดยาวมากเนื่องจากรถที่เรานั่งมาเสีย อ้อยนึกภาพเลยว่าเหมือนเสียกลางสะพานพุทธน่ะ ความโกลาหลก็เกิดขึ้นตำรวจ(ที่เสียงดังๆๆๆมากๆๆทุกคนคิดว่าเขาจะฆ่ากัน)ก็มาดึงคนขับลงไป ตำรวจต้องการจับทั้งคนคนขับและรถไปที่โรงพักแต่คนขับไม่ยอมแกพยายามจะซ่อมรถให้ติดให้ได้พี่พงษ์จะช่วยเขาก็ไม่ให้ช่วยแล้วก็สื่อภาษากันไมรู้เรือง(ถ้าโดนจับแล้วเป็นเรืองยาวและใหญ่) แล้วตำรวจ
ให้ผู้โดยสารลงไปยืนแถวเรียง 1 (เพราะอาจะโดนรถเฉียวเอาล่ะสิ) กลางกรุงฮานอยประมาณ ทุ่มเศษๆ ท่ามกลางรถที่จอแจขวักไขว้เสียงแตรที่บรรเลงอยู่ทุกวินาทีและสายตาที่มองพวกเราเหมือนลาวหลงทางอย่างงั้นแหละสักประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว
ไกด์(ฃื่อหนุ่มดี เขาเคยมาอยู่ชัยภูมิกับญาติเขาหลายปีน่ะ)เห็นว่ารถไม่มีทางสตารท์ติดได้แน่ ก็ต้อนพวกเราขึ้นรถเมล์ไปต่อรถอีกคันเพื่อไปที่พัก ระหว่างอยู่บนรถเมล์คนเวียดนามก็พูดกันว่าพวกเรามาจากลาว(เพราะรถป้ายทะเบียนลาว)น้องคนที่ยืนใกล้ฉุนบอกย้อนกลับไปว่าโนลาวแอมไทย………..กว่าจะได้กินข้าวเย็นก็ได้กินบรรยายกาศอันน่าประทับใจไม่ได้มีอยู่ในทริปเลยน่ะและก็ไม่น่าจะมีใครได้แถมโปรอย่างทัวร์ชุดนี้
แล้วจะเขียนมาเล่าใหม่ถ้าอ้อยอยากอ่าน
LikeLike
อ่านแล้วเหมือนกับได้ไปเวียตนามเองเลยว่ะตุ๊ รสชาดการเดินทางสนุกเข้มข้นดียิ่งกว่าแจ่วบอง
อาหารการกินที่นั่นเป็นไงบ้างตุ๊?
คงกินแหนมเนืองมาซะพุงกางเลยนะ เราชอบอาหารเวียตนามตรงที่เขามีผักแกล้มเยอะๆนี่ล่ะ สาวๆเวียตนามถึงมีแต่หุ่นดีๆทั้งนั้น เขียนเล่าไปเยอะๆหน่อยนะ อยากอ่าน เผื่อเวลาเรามีโอกาสได้ไปเวียตนามบ้างจะได้เตรียมตัวว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง? หรือมีรูปวิวสวยๆก้ส่งไปบ้างนะจะขอโพ้สในบล๊อคนี่แหละ
แล้วตุ๊ไปเที่ยวพม่าบ้างหรือยัง? เขาว่าที่นั่นก็สวยนะ เพราะเขายังมีป่าไม้ที่หนาตากว่าบ้านเรา อีกทั้งสภาพชีวิตและสังคมของผู้คนที่นั่นยังไม่มีอะไรที่เร่งร้อนรีบเร่งเหมือนบ้านเรา ยังมีธรรมชาติสวยๆอีกเพียบ
LikeLike
อ้อย ไปเวียดนานมารึยัง
LikeLike
ยังไม่เคยไปเลย ตุ๊ล่ะ?
เราอยากไปเหมือนกันนะ
เห็นคนที่เขาเคยไปเที่ยวเล่าให้ฟังว่าที่นั่นวิวชนบทสวยๆทั้งนั้น
🙂
LikeLike
วัน….เวลา…..ผ่านไปไม่หวลกลับ…มีแต่ความคิดคำนึง..ที่หวลกลับได้..จริงน่ะ
และก็วัน เวลาเท่านั้นที่ปะรอยเจ็บปวดได้……. ก็คิดถึงน่ะ แต่เห็นเงียบหายก็ไม่กล้าติดต่อคิดเอาเองว่าเราไร่ค่าในความติด ……….
เรา…………..เอง
LikeLike
โอ้โฮๆๆๆๆ”เจ้าคุณตุ๊ เพื่อนเก่า”(ตั้งแต่สมัยป.๓)ของเรานี่เอง นึกว่าใครซะอีกแฮะ
ดีใจๆๆๆๆๆจังเลยนะที่ได้ข่าว
แหม!ใครจะลืมเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของเราได้เล่าแม่เพื่อนรักของเรียมเอ๋ย
คิดถึงนะคิดถึงมากๆๆๆเลย
LikeLike