คืนวันเก่าๆของป้าจร
ผู้เขียนเคยคิดสงสัยมานานแล้วว่า ผู้สูงอายุหลายๆคนที่มีชีวิตอยู่ตามลำพังรอลูกหลานกลับมาเยี่ยมนั้นต้องผ่านคืนวันที่เงียบเหงาโดดเดี่ยวมาได้อย่างไรหนอ? มีหลายคนนะคะที่อายุยังไม่มากเลยเจอแค่คำว่า”เหงา”โผล่เข้ามาเยี่ยมหน่อยเดียว มันก็มีอานุภาพพอที่จะทำลายล้างกำลังใจให้เหือดหายไปในวินาทีนั้นเลย แล้วผู้สูงอายุที่ต้องอยู่โดยไม่มีใครมาคอยไถ่ถามความทุกข์สุขเล่า? ท่านเหล่านั้นต้องจมปลักกับความเหงาอย่างนั้นนับแรมเดือนแรมปี เหตุใดท่านจึงสามารถผ่านพ้นมาได้อย่างเด็ดเดี่ยว? หลายคนมองความชราภาพเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ต้องทนอยู่หรืออยู่ทนเท่านั้นเองหรือ? ย้อนกลับไปในความทรงจำที่ยังกระจ่างชัดเสมอ ภาพของป้าจร หญิงชราวัยแปดสิบกว่า … Continue reading
งานNursing Home
ผู้เขียนคิดจะหางานพาร์ทไทม์หลายๆงานเพิ่มเติม เพื่อเตรียมหาเงินไปเรียนต่อช่วงฤดูร้อนปีนี้ เพราะไม่อยากยุ่งยากขอยืมเงินทุนรัฐบาลมาเรียนเหมือนปริญญาใบแรก กว่าจะผ่อนใช้หมด ดอกเบี้ยก็ตั้งหน้าตั้งตาออกดอกงามสะพรั่งบานอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าการแบ่งตัวของพวกไวรัส คราวนี้ไปได้งานพาร์ทไทม์อีกงานหนึ่งที่Nursing Home ซึ่งเป็นองค์กรคาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ ส่วนมากคนแก่ที่อยู่ที่นี่มีความร่ำรวยมากกว่าที่ Nursing Home อื่น สถานที่จึงดูหรูหราสมกับเป็นชั้นหนึ่งของเมืองนี้ รู้สึกอึดอัดทันทีในวันแรกที่เริ่มทำงาน หน้าที่ของงานไม่ยากเย็นเลย เพราะมีประสพการณ์จากงานพยายาบาลมาหลายแห่งทั้งจากเมืองไทยและที่อเมริกา แต่ความยากอย่างสุดยอดของงานที่นี่มันอยู่ตรงที่การเอาใจบรรดาคนรวยทั้งหลาย ซึ่งมันยากยิ่งกว่าเข็นช้างแก่ที่เป็นอัลไซเมอร์ขึ้นภูเขาหิมาลัยซะอีก เพราะพวกนี้นอกจากจะจู้จี้จุกจิกงี่เง่าแบบสุดๆแล้ว ยังชอบดูถูกคนต่างชาติที่ไม่ใช่คนผิวขาวอีกต่างหาก ทั้งๆที่ผู้เขียนไปช่วยเหลือพวกเขาให้การบริการด้านพยาบาลเต็มที่ แต่พวกนี้ทำท่าราวกับว่าเราเป็นทาสติดเรือนเบี้ยของมันยังไงยังงั้นเลย แม้ผู้เขียนจะผ่านการฝึกอบรมมาอย่างหนักให้อดกลั้นอดทน มีอารมณ์หนักแน่น ไม่โกรธง่าย ต้องเข้าใจสภาวะความเจ็บป่วยของผู้ป่วยทุกรูปแบบ แต่ว่าก็ยังไม่ได้ฝึกญาณถึงขั้นเป็นอรหันต์นี่หว่า … Continue reading