เพลงพื้นบ้าน
ในความรู้สึกของผู้เขียนคิดว่าเพลงพื้นบ้านที่มีเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นบรรเลงประกอบการร้อง เป็นเสียงดนตรีที่มีเสน่ห์มากที่สุด เพราะมีความเรียบง่ายเป็นองค์ประกอบ ถ้อยคำที่นำมาเรียบเรียงก็ใช้ถ้อยคำที่มีความหมาย เป็นถ้อยคำแบบพื้นๆไม่ลามกหยาบคายและไม่ซ่อนความหมายสองแง่สองง่าม ส่วนมากจะบรรยายเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันทั่วไป, ความงดงามของธรรมชาติ, ความภาคภูมิใจในเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ของตน,ความสวยอ่อนหวานละมุนละมัยของอิสตรี, และความสง่ากล้าหาญแห่งบุรุษเพศ ขั้นตอนการก็ขับร้องไม่ยุ่งยากและปราศจากพิธีรีตรอง นักร้องไม่จำเป็นต้องจบหลักสูตรการขับร้องจากสถาบันดนตรีใด ใครก็ได้ที่เต็มใจอยากร้องก็ออกมาร้องกันได้ทันที ซึ่งก็น่าแปลกที่ปัจจุบันการที่จะร้องเพลงสมัยนิยมทั้งหลายนั้น นักร้องส่วนใหญ่จะต้องผ่านโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆเพื่อฝึกฝนการออกเสียงต่างๆกว่าจะออกมาเป็นนักร้องได้แต่ละเพลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆหมูๆอีกต่อไป เพราะทุกอย่างกลายเป็นธุรกิจที่เป็นเงินเป็นทองที่ต่างต้องแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกขั้นตอนต้องคิดออกมาเป็นจำนวนตัวเลขของเงินตราทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าการจบจากสถาบันการฝึกร้องเพลงมาแล้วจะทำให้นักร้องคนนั้นร้องเพลงได้ไพเราะที่สุดในโลกนะคะ เพราะบางทีทำให้การออกเสียงคำพูดธรรมดาๆกลายเป็นคำที่ออกเสียงสำเนียงแปลกๆ ฟังไปฟังมา กลับฟังไม่ค่อยออกว่าคำนั้นคืออะไรกันแน่ทั้งๆเป็นภาษาไทยนั่นแหละ เช่นคำว่า”รักเธอ”กลายเป็น”รักเชอ” ก็เลยงงเป็นไก่ตาแตกอยู่สักพัก พอขยับฟังต่อก็งงอีกเป็นรอบที่สอง กว่าจะจบเพลงต้องหายาแก้ปวดหัวมาช่วยบรรเทาอาการงงแบบสุดขีด จากอาการไก่ตาแตกก็เลยกลายเป็นไก่ตาฟางที่ถูกทำเป็นไก่แช่น้ำปลาไปซะแล้ว … Continue reading